ศูนย์ฝนหลวงภาคตะวันออก จังหวัดระยอง จะนำเครื่องบิน CASA 2 ลำบินขึ้นปฏิบัติการทำฝนในเวลา 10.30 น. ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศร้อยละ 72 ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี จากขั้นต่ำที่สามารถปฏิบัติการได้ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 60 จุดที่เครื่องบินจะขึ้นบินไปวางแกนให้เกิดการก่อตัวของเมฆ เครื่องบินจะขึ้นจากสนามบินอู่ตะเภา จังหวัดระยอง แล้วมุ่งไปยังบริเวณอำเภอบางปะกงถึงบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อโปรยสารฝนหลวงเพื่อสร้างแกนให้ละอองน้ำเกาะ เกิดเป็นเมฆ แล้วโปรยสารฝนหลวงสำหรับขั้นตอนที่เรียกว่า เลี้ยงให้อ้วน คือ การทำให้เมฆก่อตัวกันหนาแน่นขึ้น จากนั้นให้ลมพัดเมฆเข้าไปยังทิศตะวันออกของกรุงเทพฯ
สำหรับลมซึ่งเป็นลมตะวันออก ความเร็ว 9 – 10 น็อต เป็นความเร็วปานกลางที่คาดว่าจะทำให้ฝนเข้าไปถึงกรุงเทพฯ ระยะทางจากสนามบินอู่ตะเภาถึงจุดวางแกนเมฆ 100 กิโลเมตร จากจุดนี้จนถึงฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ ประมาณ 60 กิโลเมตร
การทำฝนหลวงในวันนี้เป็นการทำฝนแบบที่เรียกว่า การทำฝนเมฆอุ่นที่ความสูง 7,000 ฟุต จากการตรวจสอบสภาพอากาศทางเรดาร์พบเมฆคิวมูลัสหรือเมฆฝนก่อตัวอยู่บริเวณจังหวัดสมุทรปราการ ทำให้ฝนตกเล็กน้อย ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศใกล้กรุงเทพฯ สูงขึ้น ซึ่งเอื้ออำนวยที่จะทำให้ฝนตกตามที่คาดการณ์ทิศทางลมจะพัดจากสมุทรปราการไปยังฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ
ส่วนข้อจำกัดการทำฝนครั้งนี้ คือ เครื่องบินฝนหลวงจะต้องบินในระยะห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิตามกฎการบินสากล จึงไม่สามารถจะเข้าปฏิบัติการขั้นตอน “โจมตี” ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่จะทำให้ละอองน้ำในก้อนเมฆจับตัวจนมีขนาดใหญ่ กระทั่งลมซึ่งอยู่ใต้ฐานเมฆจะอุ้มไหว แล้วตกลงมาเป็นฝน จากการประสานแผนการบินกับสนามบินสุวรรณภูมินั้น ตำแหน่งที่เครื่องบินฝนหลวงจะอยู่ใกล้ได้มากที่สุด คือ ประมาณ 30 กิโลเมตร ทั้งนี้ อธิบดีฝนหลวงได้สั่งการให้เตรียมน้ำแข็งแห้งซึ่งเป็นสารฝนหลวงสูตรเย็นจัดไว้ หากมีโอกาสที่จะบินปฏิบัติการณ์ขั้นโจมตีได้.-สำนักข่าวไทย