กรุงเทพฯ 8 ม.ค. – ยังเหลือเวลา 3 วัน ที่ คกก.กลั่นกรองนำเรือประมงออกนอกระบบกำหนดให้เจ้าของเรือที่ต้องการเลิกทำประมงมาแสดงตนและแจ้งความประสงค์ จากนั้นจะเร่งรวบรวมจำนวน จัดลำดับความเร่งด่วน เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติจ่ายค่าชดเชย โดยเรือที่ได้เข้าโครงการตั้งแต่ปี 58 -59 จำนวน 679 ลำนั้น รัฐจะช่วยเหลือเป็นกลุ่มแรกแน่นอน
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จากการที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้เป็นประธานคณะกรรมการกลั่นกรองนำเรือประมงออกนอกระบบนั้น ได้แต่งตั้งผู้แทนจากหลายภาคส่วนทั้งกรมประมง นักวิชาการจากสถาบันอุดมศึกษา ผู้แทนจากกองทัพบก กองทัพเรือ เป็นต้น ซึ่งเห็นร่วมกันถึงวิธีการนำเรือประมงออกนอกระบบเป็น 2 วิธี คือ เรือที่ได้แจ้งเลิกทำประมงตั้งแต่ปี 2558- 2559 จำนวน 679 ลำ ให้มายืนยันความจำนงอีกครั้งกับกรมประมงจนถึงวันที่ 10 มกราคม 2562 จากนั้นจะมีคณะอนุกรรมการทำหน้าที่ตรวจสอบความมีอยู่จริงของเรือว่าจาก 679 ลำนั้น มีอยู่เท่าไร สำหรับเรือที่ตรวจสอบแล้วว่ามีอยู่จริง จะนำประวัติการตรวจสอบสภาพทั้งการบันทึกและภาพถ่ายปี 2558 – 2559 มาประเมินมูลค่าเรือ เพื่อจ่ายค่าชดเชยให้ตามความเหมาะสม
สำหรับเจ้าของเรือที่ประสงค์จะเลิกทำประมง แต่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการเมื่อ 3 – 4 ปีก่อน แล้วได้ร้องขอมายังนายกรัฐมนตรีเพื่อขอรับความช่วยเหลือด้วยนั้น นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้คณะกรรมการฯ พิจารณาให้เกิดความเป็นธรรม ดังนั้น คณะกรรมการฯ จึงได้เปิดให้มาแจ้งความจำนงต่อกรมประมงจนถึงวันที่ 10 มกราคมนี้เช่นกัน โดยการช่วยเหลือจะมี 2 แนวทาง คือ จ่ายค่าชดเชยหลังจากตรวจสอบสภาพและประเมินมูลค่าเรือแล้ว ส่วนเจ้าของเรือที่ต้องการจำหน่ายเรือแก่ผู้ประกอบการประมงต่างประเทศ รัฐจะประสานงานผ่านสถานทูตประเทศนั้น ๆ ให้ ประสานเอกชนผู้รับซื้อ รวมทั้งรับรองสภาพเรือเพื่ออำนวยความสะดวกในการจำหน่ายเรือ
นายกฤษฎา กล่าวว่า สำหรับเรือที่เข้ามาแจ้งความจำนงใหม่ รัฐยินดีช่วยเหลือทั้งหมด แต่ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ได้แก่ ต้องเป็นเรือที่จดทะเบียนกับกรมเจ้าท่า มีใบอนุญาตทำประมงออกโดยกรมประมง ใช้เครื่องมือประมงถูกต้องตามกฎหมาย และไม่เคยมีประวัติถูกนำไปใช้กระทำผิดในคดีร้ายแรง เช่น ขนยาเสพติด ค้ามนุษย์ เป็นต้น ทั้งนี้ เมื่อได้จำนวนเรือที่แน่นอน มีการตรวจสอบตามขั้นตอนดังกล่าวแล้ว จะเร่งนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาตามข้อกำชับของนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย