พรรคประชาธิปัตย์ 4 ม.ค.-“อภิสิทธิ์” ย้ำกำหนดวันเลือกตั้งที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับ กกต.พิจารณา และควรจะรอให้พระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งมีผลบังคับใช้ จึงจะกำหนดวันเลือกตั้งได้ เชื่อประชาชนต้องการให้พระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมพระเกียรติ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเลื่อนวันเลือกตั้งที่เหมาะสมก่อนมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ว่า สิ่งที่ทุกคนต้องการคือการมีพระราชพิธีที่สมพระเกียรติ มีบรรยากาศที่ดีราบรื่น ทุกคนคงมองตรงกัน จากนั้นเป็นเรื่องปฏิทิน ซึ่งบรรยากาศช่วงเมษายนก่อนพฤษภาคมก็น่าที่จะจบจากการเลือกตั้งแล้ว เพื่อไม่ให้มีประเด็นเรื่องหาเสียงหรือป้ายหาเสียงอยู่เต็มถนน ส่วนการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อใดต้องรอให้มีพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งมีผลบังคับใช้และกำหนดวันเลือกตั้งภายใน 60 วัน ซึ่งตรงนี้ไม่สามารถบอกได้ที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่าควรจะเป็นวันใด เพราะไม่ทราบว่าเป็นความเห็นส่วนตัวหรือของรัฐบาล แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย
“ยกตัวอย่างหากมีพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งบังคับใช้ในสัปดาห์นี้ ก็จะต้องเลือกตั้งภายใน 60 วัน ซึ่งจะไม่ตรงกับวันที่นายกวิษณุระบุ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนทรงมีพระราชวินิจฉัย ควรจะรอพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง จากนั้นคณะกรรมการการเลือกตั้ง คงจะพิจารณากำหนดวันเลือกตั้ง” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ส่วนที่มีการคาดเดาว่าวันเลือกตั้งที่เหมาะสม อาจจะเป็นวัน 10 มีนาคม หรือ 24 มีนาคม นายอภสิทธิ์ กล่าวว่า นายวิษณุน่าจะกังวลกระบวนการหลังการเลือกตั้ง ไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้งแล้ว ซึ่งหลังการเลือกตั้ง กกต.ต้องไปพิจารณา เช่น สมมติเลือก 24 กุมภาพันธ์เช่นเดิม คาดว่าจะสามารถรับรองได้ภายในกี่วัน เมื่อรับรองเสร็จ จะต้องเรียกประชุมสภาฯ ภายใน 15 วัน หลังจากนั้น สภาฯ จะเลือกนายกรัฐมนตรีจัดตั้งรัฐบาลสามารถพิจารณาได้จะใช้เวลากี่วัน ซึ่งมีหลายทางเลือก แต่ กกต.จะเริ่มพิจารณาได้ต้องมีพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งบังคับใช้ และจังหวะเวลาต่างกันแค่ 15 วัน เมื่อพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งลงมาวันใด จะไปเลือกภายใน 45 วันไม่ได้ ต้องพ้น 45 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน ดังนั้นทุกอย่างต้องรอให้มีพระราชกฤศฎีกาการเลือกตั้ง ซึ่งรัฐบาลนำขึ้นทูลเกล้าฯ ไปตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม 2561
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนความคืบหน้าตัวผู้สมัคร ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ คาดว่าแล้วเสร็จในวันที่ 6 มกราคมนี้ จากนั้นจะพิจารณาคัดเลือก ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งพิจารณาไปแล่ว 128 คน เหลือ 22 คนก็จะครบ 150 คน ขณะเดียวกันยอมรับยังกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการหาเสียงของพรรคที่ กกต.กำหนดไว้ 35 ล้านบาทว่าจะไม่เพียงพอ เชื่อว่าตัวเลขที่เหมาะสมควรจะอยู่ที่ 70 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย