กรมบัญชีกลางส่งเสริมการรับชำระเงินผ่านแอพพลิเคชั่นถุงเงินประชารัฐ

กรุงเทพฯ 25 ธ.ค. – กรมบัญชีกลางส่งเสริมการรับชำระเงินผ่านแอพพลิเคชั่น (Mobile Application) “ถุงเงินประชารัฐ” มีร้านค้าใช้งานแล้วกว่า 14,566 ร้านค้า เป็นเงินกว่า 742 ล้านบาท ยืนยันความพร้อมการรับชำระเงินผ่านการสแกนใบหน้า ใช้งานง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น 


นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า หลังจากได้เพิ่มช่องทางการรับชำระเงินจากการซื้อสินค้าในร้านค้าขนาดเล็กที่จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเพื่อการศึกษา วัตถุดิบเพื่อการเกษตร ผลิตภัณฑ์ชุมชน และรถยนต์เคลื่อนที่เร่ขายสินค้า ผ่านแอพพลิเคชั่น “ถุงเงินประชารัฐ” ซึ่งนอกจากผู้มีสิทธิจะได้รับความสะดวกมากขึ้นแล้ว ร้านค้ายังได้รับโอนเงินจากกรมบัญชีกลางในวันทำการถัดไปทันที ขณะนี้มีร้านค้าที่ติดตั้งแอพฯ ถุงเงินประชารัฐแล้ว จำนวน 14,566 ร้านค้า มียอดการใช้จ่ายผ่านแอพฯ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม – พฤศจิกายน 2561 เป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 742 ล้านบาท

อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวต่อว่า ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสามารถนำบัตรไปชำระเงินค่าสินค้าจากวงเงินสวัสดิการ (200/300 บาทต่อเดือน) ซึ่งผู้มีสิทธิสามารถนำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไปชำระเงินค่าสินค้ากับร้านค้าที่ติดตั้งแอพฯ ถุงเงินประชารัฐ ได้ 2 วิธี ที่ง่ายและสะดวก คือ 


1) ร้านค้าทำการสแกนหน้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีสิทธิ > ใส่จำนวนเงิน > ผู้มีสิทธิยืนยันตัวตนด้วยรหัส PIN 6 หลัก (เลข 6 หลักสุดท้ายของบัตรประชาชน หรือรหัส 6 หลักใหม่ที่เปลี่ยนแล้ว)

2) ร้านค้าทำการสแกนหน้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีสิทธิ > ใส่จำนวนเงิน > สแกนใบหน้าของผู้มีสิทธิ (ระบบจะให้กระพริบตา) และเพื่อให้การรับชำระเงินผ่านแอพฯ ถุงเงินประชารัฐใช้งานง่ายและสะดวกขึ้น หากสแกนข้อมูลหน้าบัตรไม่สำเร็จ ระบบจะให้ใส่เลข 8 หลักสุดท้ายที่อยู่ด้านหน้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแทน  

สำหรับร้านค้าที่ยังไม่ได้สมัครและสนใจจะสมัครใช้งานแอพฯ ถุงเงินประชารัฐ ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ยังเปิดรับสมัครอยู่ สามารถดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ www.moc.go.th โดยไม่ต้องสมัครด้วยตนเอง หากต้องการสมัครด้วยตนเอง ในส่วนกลางยื่นเอกสารได้ที่ ศูนย์บริการประชาชนกระทรวงพาณิชย์ ชั้น 3 (อาคารริมน้ำ) กระทรวงพาณิชย์ สำหรับส่วนภูมิภาคยื่นเอกสารได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งแอพฯ ถุงเงินประชารัฐ ใช้งานง่าย สะดวก และยังเพิ่มช่องทางการรับชำระค่าสินค้าของผู้มีสิทธิทั้งรอบแรก 11.4 ล้านราย และรอบที่สอง 3.04 ล้านรายอีกด้วย – สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง