fbpx

หลอน! กระเป๋าของกลางคดีฆ่าหั่นศพเฮี้ยนบนโรงพักย่านฝั่งธนฯ

กรุงเทพฯ 21 ธ.ค. – ขนลุก! กระเป๋าซุกศพ ของกลางคดีร่างทรงคลั่งฆ่าหั่นศพสามี เฮี้ยนบนโรงพักย่านฝั่งธนฯ


เมื่อวานนี้ (20 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ที่ สน.บางขุนนนท์ กำลังมีกระแสข่าวลือเกี่ยวกับกระเป๋าเดินทางใบหนึ่ง ซึ่งเป็นของกลางคดีฆ่าหั่นศพ ที่ถูกเก็บไว้ที่ชั้น 4 ของโรงพัก ได้หลอกหลอนเจ้าหน้าที่ จนไม่มีใครกล้าขึ้นไปที่ชั้น 4 หลังจากมีเสียงเล่าต่อกันว่า มีเจ้าหน้าที่หลายรายที่ปฏิบัติหน้าที่เข้าเวรอยู่บนโรงพักถูกหลอกหลอน จนถึงขั้นมีการจัดทำบุญที่โรงพัก


จากนั้นได้มีการย้ายกระเป๋าไปไว้ในห้องเก็บของ บริเวณห้องน้ำชั้น 4 ของโรงพัก โดยมี ด.ต.รายหนึ่ง ปฏิบัติหน้าที่สิบเวรหน้าห้องขัง เปิดเผยว่า เคยเห็นกระเป๋าเดินทางใบดังกล่าวหมุนรอบตัวเองหลายรอบ ขณะที่เข้าเวรอยู่ และยังมีเรื่องเล่าประหลาดจากฝ่ายสืบสวน ซึ่งอยู่บนชั้น 3 ของโรงพัก เกี่ยวกับเหตุการณ์ประหลาดกับกระเป๋าของกลางใบดังกล่าวอีกด้วย

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า กระเป๋าเดินทางที่มีเสียงร่ำลืออยู่นั้น เป็นของกลางในคดีฆ่าหั่นศพ เมื่อปี พ.ศ. 2555 ที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งย่านบางขุนนนท์ ผู้ต้องหาคือ น.ส.พรสุรีย์ ดีแผ่ว อายุ 36 ปี เกิดอาการคลุ้มคลั่ง อ้างตัวเป็นร่างทรงฆ่าสามี คือ นายประสิทธิ์ ศรีสมบุญญานนท์ อายุ 47 ปี ที่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ ก่อนลงมือเชือดตัดศีรษะ แยกหัว-ข้อมือ-ข้อเท้า ยัดใส่กระเป๋าเดินทาง ใส่ถุงโยนลงคลองบางกอกน้อย โดยขณะที่ตำรวจเข้าไปในห้อง พบ น.ส.พรสุรีย์ นั่งพนมมืออยู่ในห้อง นอกจากนี้ยังพบอุปกรณ์เสพยาเสพติด 1 ชุด โดยคนร้ายที่พูดจาวกวนไม่รู้เรื่อง รับเป็นคนฆ่าเอง เพราะตนเป็นร่างทรงพระพุทธเจ้าลงมาปราบมารเฒ่าโลหิต จึงนำตัวมาสอบสวนที่ สน.บางขุนนนท์ และนำกระเป๋าเดินทาง ซึ่งเป็นของกลาง มาไว้ในห้องสอบสวน ชั้น 2


คดีนี้เจ้าหน้าที่ชุดทำงานรู้สึกหวาดกลัวตั้งแต่ทำคดีในช่วงแรก ซึ่งจะต้องดำน้ำหาชิ้นส่วนหัว ข้อมือ และข้อเท้า เจ้าหน้าที่ใช้เวลาไม่นานนัก ก็พบชิ้นส่วนข้อมือและข้อเท้า แต่ชิ้นส่วนหัวไม่พบ เจ้าหน้าที่รู้สึกถอดใจ จึงได้ทำพิธีกราบไหว้พระแม่คงคา ขอให้พบชิ้นส่วนที่เหลือ จากนั้นจึงค้นหาอีกครั้ง ไม่นานก็พบชิ้นส่วนหัวจมอยู่

จากนั้นได้นำกระเป๋าเดินทางดังกล่าววางไว้หน้าห้องขัง ซึ่งผู้ต้องหาคดีอื่นที่อยู่ในห้องขัง มักจะถามตำรวจว่า ช่วงกลางคืนมีใครเดินผ่านไปมาบริเวณหน้าห้องขังหรือไม่ บางรายก็ขอให้ตำรวจเปิดไฟให้ทั้งคืน เพราะรู้สึกเหมือนมีคนอยู่ด้วยตลอดเวลา ขณะเดียวกัน ตำรวจที่เข้าเวรดึก นั่งเฝ้าหน้าห้องขัง มักจะรู้สึกว่ามีคนมองมาจากห้องขัง 

ต่อมาปี 2556 มีตำรวจเพิ่มมากขึ้น จึงเปิดชั้น 3 และชั้น 4 ให้ใช้งาน เจ้าหน้าที่จึงได้ย้ายกระเป๋าเดินทางไปไว้ยังชั้น 3 ซึ่งเป็นห้องว่างเปล่า เนื่องจากเห็นว่าไม่มีคนอยู่ ถัดมาอีกห้องจะเปิดไว้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ แต่ยังไม่มีหอพัก ให้มานอนรวมกันที่ชั้น 3 แต่อยู่กันได้ประมาณ 1 สัปดาห์ ทุกคนก็ย้ายออกหมด ยอมไปเช่าหออยู่ และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อยู่ไม่ได้ ขอย้าย จึงได้ย้ายกระเป๋าไปไว้ที่ห้องน้ำชั้น 4 ของโรงพัก น้อยครั้งที่จะมีแม่บ้านขึ้นไปทำความสะอาด แต่ทุกครั้งที่ขึ้นไป กระเป๋ามักจะไม่อยู่ที่เดิม

ส่วนตำรวจใหม่ที่เข้ามา ไม่มีใครทราบประวัติของกระเป๋าเดินทาง ก็มักจะเดินสำรวจโรงพัก เพื่อความคุ้นเคย เมื่อเดินขึ้นไปที่ห้องน้ำชั้น 4 ก็รู้สึกมีลมโกรกผ่านใบหน้า อยู่ๆ ก็ขนลุกซู่ จึงคิดว่าห้องน้ำอาจจะมีช่องลม แต่เมื่อมองไปรอบๆ ก็ไม่พบ เมื่อมองไปที่กระจกก็รู้สึกเหมือนมีคนจ้องตลอดเวลา บางคนเดินเล่นมือถือเพลิน หรือใจลอย ก็จะเผลอเดินขึ้นชั้น 4 และไปหยุดอยู่บริเวณหน้าห้องน้ำทุกครั้ง

ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจหน่วยสวาทจากภูธรภาค 7 กว่า 20 นาย มาพักที่ สน.บางขุนนนท์ เพื่อรอไปปฏิบัติหน้าที่ โดยทั้งหมดนอนในห้องประชุมเล็ก ชั้น 2 รุ่งเช้าประมาณ 05.30 น. ตำรวจทยอยตื่นมาอาบน้ำ บางคนก็ขึ้นไปอาบน้ำชั้น 4 ได้ยินเสียงคนเดินตามตลอด จึงมาถามตำรวจ สน.บางขุนนนท์ แต่ไม่มีใครพูดอะไร เพราะจะต้องนอนปฏิบัติหน้าที่อีกหลายวัน เมื่อภารกิจจบ จึงเล่าให้เพื่อนตำรวจฟัง ทุกคนที่ขึ้นไปอาบน้ำชั้น 4 ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เจอเหตุการณ์แบบเดียวกัน โดยในช่วงสิ้นปีจะมีการจัดงานสังสรรค์ปีใหม่ ก็จะจัดบริเวณชั้น 4 แต่เมื่อจะเข้าห้องน้ำ จะไม่มีใครเข้าห้องน้ำชั้น 4 เลย ทุกคนจะลงไปเข้าชั้นล่างหมด

เมื่อหลายปีก่อน แม่บ้านนำกระเป๋าเดินทางดังกล่าวไปทิ้งแล้ว แต่ไม่ทราบว่ากระเป๋ากลับมาอยู่ในห้องน้ำเหมือนเดิมได้อย่างไร ต่อมาจึงไม่มีใครกล้านำไปทิ้งอีกเลย ทุกครั้งที่มีการทำบุญโรงพัก ก็จะนำกระเป๋าเดินทางดังกล่าวมาพรมน้ำมนต์ตลอด ซึ่งหากไม่มีความจำเป็นจะไม่มีใครเดินขึ้นไปบริเวณชั้น 4 เลย โดยกระเป๋าดังกล่าวสร้างความหวาดกลัวให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าเวรดึก จึงอยากนิมนต์พระสงฆ์มาทำพิธี ก่อนจะทำลายกระเป๋าดังกล่าวทิ้ง เพื่อให้วิญญาณของผู้ตายไปสู่สุคติ. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชี้อิสราเอล-อิหร่านส่งสัญญาณหาทางถอยจากสงคราม

เยรูซาเล็ม 19 เม.ย.- สื่ออิสราเอลมองว่า การที่อิหร่านพยายามปฏิเสธว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอิหร่านวันนี้ไม่ใช่การโจมตีแก้แค้นของอิสราเอล และการที่อิสราเอลยังคงนิ่งเฉยไม่ออกตัวว่าเป็นผู้กระทำ เป็นการส่งสัญญาณว่าทั้ง 2 ฝ่ายกำลังหาทางล่าถอยจากการทำสงครามในขณะที่นานาชาติกดดันให้ใช้ความอดกลั้น เว็บไซต์ไทมส์ออฟอิสราเอลรายงานว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันจากทางการอิสราเอลว่า ได้โจมตีอิหร่านในเช้าวันนี้ ขณะที่สื่อทางการอิหร่านรายงานเพียงว่า มีการเปิดใช้งานระบบป้องกันภัยทางอากาศ และปฏิเสธรายงานข่าวเรื่องมีการโจมตีที่ตั้งทางทหารในเมืองอิสฟาฮาน ที่อยู่ห่างจากกรุงเตหะรานลงไปทางใต้ 315 กิโลเมตร โดยระบุว่าเหตุการณ์ปกติ แต่เจ้าหน้าที่อิสราเอลและสหรัฐที่ขอสงวนนามเผยกับสื่อในสหรัฐว่า เป็นฝีมือของอิสราเอล หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ของสหรัฐอ้างแหล่งข่าวอิหร่าน 3 คนว่า ฐานทัพอากาศในเมืองอิสฟาฮานถูกโจมตีแต่ไม่มีข้อมูลเรื่องความเสียหาย ไทมส์ออฟอิสราเอลมองว่า ลักษณะของการโจมตีอย่างจำกัด ซึ่งมีรายงานว่าเป็นการใช้โดรน ไม่ใช่ขีปนาวุธหรือปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ประกอบกับการที่อิสราเอลไม่ได้ยอมรับอย่างเป็นทางการ น่าจะเปิดทางให้รัฐบาลอิหร่านสามารถปฏิเสธเรื่องความจำเป็นที่จะต้องขู่โจมตีอิสราเอลเป็นครั้งที่ 2 หลังจากระดมยิงขีปนาวุธและโดรนมากกว่า 300 ลูกใส่อิสราเอลเมื่อเช้ามืดวันที่ 14 เมษายนตามเวลาอิสราเอล เป็นสัญญาณเบื้องต้นว่า ทั้ง 2 ประเทศอาจกำลังหาทางล่าถอยจากการทำสงคราม ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่า อิสราเอลจะแก้แค้นอิหร่านตามที่แสดงท่าทีมาตลอดทั้งสัปดาห์ว่า จะไม่ยอมปล่อยให้อิหร่านโจมตีโดยไม่ตอบโต้ จุดกระแสวิตกว่า การโจมตีตอบโต้กันไปมาจะบานปลายกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ดี มีสัญญาณว่ากองกำลังป้องกันอิสราเอลได้ลดความุรนแรงของแผนการโจมตีตามที่นานาชาติกดดันให้ใช้ความอดกลั้น.-814.-สำนักข่าวไทย  

ผงะ! พบศพหนุ่มเมียนมาในแท็งก์น้ำ ดาดฟ้าหอพัก

ผงะ! พบศพหนุ่มเมียนมาสภาพเปลือย ในแท็งก์น้ำบนดาดฟ้าหอพัก ย่านมีนบุรี เสียชีวิตมาแล้ว 2 วัน คาดลงไปเล่นน้ำคลายร้อน

ระทึก! สารแอมโมเนียจากโรงน้ำแข็งรั่ว บาดเจ็บนับร้อย

ระทึกกลางดึก สารแอมโมเนียรั่วในโรงน้ำแข็ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ชาวบ้านสูดดม ได้รับผลกระทบกว่า 100 คน ต้องกระจายส่งตาม รพ. ต่างๆ

จับแล้ว! ชายอินเดียฆ่าปาดคอหญิงวัย 51 ปี

เกิดเหตุฆ่าปาดคอหญิงอายุ 51 ปี ในโรงแรมท้องที่ สน.ตลาดพลู ผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวอินเดียที่อยู่ด้วยกันในโรงแรม กว่า 1 สัปดาห์ ก่อนหายตัวไปหลังเกิดเหตุ ล่าสุดตามจับได้แล้ว สารภาพอ้างแค้นผู้ตายไม่คืนเงิน

ข่าวแนะนำ

ยังระดมฉีดน้ำ-โฟม สกัดเพลิงไหม้โกดังสารเคมี

เหตุเพลิงลุกไหม้โกดังเก็บสารเคมี ที่จังหวัดระยอง ผ่านมากว่า 30 ชั่วโมงแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งทำงานอย่างหนักเพื่อทำให้เพลิงสงบ ขณะที่ล่าสุด จ.ระยอง ประกาศให้พื้นที่ 2 ตำบล เป็นพื้นที่ประสบสาธารณภัย

“บิ๊กโจ๊ก” ถอนคำร้องเอาผิด “เศรษฐา” อ้างไม่ติดใจแล้ว

“บิ๊กโจ๊ก” ยื่น ป.ป.ช. ขอถอนคำร้องเอาผิด “นายกฯ เศรษฐา” กรณีปฏิบัติหน้าที่มิชอบตาม ม.157 อ้างไม่ติดใจดำเนินคดีแล้ว

ร้อนทะลุ 42 องศาฯ จนท.ดับไฟป่า ฮีทสโตรก 3 ราย

อากาศร้อนทะลุ 42 องศาฯ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทับลาน เข้าดับไฟป่า เกิดฮีทสโตรก หัวใจหยุดเต้น 3 ราย ต้องทำ CPR ก่อนหามลงเขาสูงชันกว่า 4 กม. ขึ้นรถส่งโรงพยาบาล