กรุงเทพฯ 21 ก.ย.-กรมอุตุฯ เผยแนวโน้มการเกิดพายุถี่ขึ้นช่วงปลายเดือน ก.ย. ทั้งในมหาสมุทรแปซิฟิกและทะเลจีนใต้ ขณะเดียวกัน พายุไต้ฝุ่น “รากาซา” แม้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่ส่งอิทธิพลต่อร่องมรสุมและมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้หลายพื้นที่มีฝนเพิ่มขึ้น ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักและฝนตกสะสม
นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ช่วงปลายเดือนกันยายนนี้มีแนวโน้มเกิดพายุถี่ขึ้นบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกและทะเลจีนใต้ โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 26–27 กันยายน มีโอกาสเกิดพายุลูกใหม่เพิ่มอีก แม้ขณะนี้ยังไม่มีทิศทางชัดเจนว่าจะเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยหรือไม่ แต่ต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ปัจจุบัน พายุไต้ฝุ่น “รากาซา” (RAGASA) ยังคงเคลื่อนตัวอยู่บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก แม้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ไทยโดยตรง แต่ส่งอิทธิพลต่อสภาพอากาศในประเทศ ทำให้ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ขณะเดียวกันมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยก็มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนเพิ่มขึ้น และบางแห่งมีฝนตกหนักถึงหนักมาก โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 21–27 กันยายน 2568
พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักและฝนตกสะสม ได้แก่ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก เช่น จันทบุรี ตราด รวมถึงภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เช่น แม่ฮ่องสอน ตาก อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ ซึ่งอาจเสี่ยงเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาและใกล้ทางน้ำไหลผ่าน
สำหรับสถานการณ์คลื่นลมทะเล ในช่วงวันที่ 21–23 กันยายน บริเวณทะเลอันดามันตอนบนจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขณะที่ทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนจะมีคลื่นสูง 1–2 เมตร โดยบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นอาจสูงมากกว่า 2 เมตร
ช่วงวันที่ 24–27 กันยายน คลื่นลมในทะเลอันดามันตอนบนจะมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูง 2–3 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองอาจมีคลื่นสูงเกิน 3 เมตร ขณะที่ทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร กรมอุตุนิยมวิทยาจึงขอให้เรือเล็กในทะเลอันดามันตอนบน งดออกจากฝั่ง ในช่วงวันที่ 24–26 กันยายน และให้ชาวเรือระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองตลอดช่วง
ส่วนช่วงต้นเดือนตุลาคม (2–5 ต.ค.) แนวโน้มฝนอาจลดลงบ้าง แต่สภาพอากาศมีความแปรปรวนจึงจำเป็นต้องติดตามข้อมูลอย่างต่อเนื่อง
กรมอุตุนิยมวิทยาขอให้ประชาชนติดตามประกาศเตือนภัยและพยากรณ์อากาศจากช่องทางทางการ และอย่าหลงเชื่อข่าวลือหรือการวิเคราะห์ที่ไม่มีแหล่งข้อมูลอ้างอิงที่ชัดเจน.-512.-สำนักข่าวไทย