กรุงเทพฯ 27 พ.ย. – รมว.เกษตรฯ ปลื้มชาวนาแห่ปลูกข้าวโพด 37 จังหวัด ทะลุเป้าหมายกว่า 1 ล้านไร่ เตรียมใช้เป็นต้นแบบกับสินค้าเกษตรทุกชนิด วอนข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ ทุ่มเททำงานเพื่อชาติ ลั่นไม่ลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส.หรือเข้าสังกัดพรรคใด ขอทำหน้าที่ รมว.เกษตรฯ พัฒนาอาชีพเกษตรกรมั่นคงตามที่ตั้งใจไว้
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวเปิดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “โครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา” ว่า ทุกหน่วยงานคงรู้สึกอึดอัดและถูกกดดันตลอดเวลา 1 ปีที่ตนมาเป็นรัฐมนตรีเกษตรฯ เพราะตั้งแต่วันแรกได้สั่งย้ำเรื่องไปแนะนำให้เกษตรกรทำเกษตรต้องมีตลาดรองรับ อย่าให้เหมือนที่ผ่านมา ผลิตแล้วขายไม่ได้ นำมาเททิ้งหน้ากระทรวง จึงเป็นที่มานโยบายการตลาดนำการผลิตของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ใช้ความต้องการของตลาดเป็นหลัก เพื่อวางแผนการผลิต โดยแต่ละปีต้องรู้ล่วงหน้าว่าตลาดต้องการสินค้าเกษตรใด ปริมาณเท่าไร หากจะปรับเปลี่ยนให้เกษตรกรไปทำการเกษตรอื่น นอกเหนือจากที่เคยทำมาต้องสร้างความมั่นใจว่าขายได้ราคาดี หรืออย่างน้อยไม่มีความเสี่ยงว่าจะขายไม่ได้หรือขาดทุน เกษตรกรจึงจะไม่มาประท้วง โครงการนี้เริ่มแรกถูกต่อต้านจากทั้งนอกและในกระทรวงว่าจะไม่ประสบความสำเร็จ เหมือนกับโครงการปลูกพืชฤดูแล้ง 2 ปีที่ผ่านมา ให้เกษตรกรปลูกข้าวโพดบ้าง ถั่วเหลืองบ้าง ถั่วเขียวบ้าง แต่เกษตรกรหาที่ขายไม่ได้ ถูกพ่อค้ากดราคาอีก
นายกฤษฎา กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่เลือกปลูกข้าวโพดนำร่อง เนื่องจากเป็นที่ต้องการของตลาดในประเทศอีกมาก ยังขาดผลผลิตถึง 3 ล้านตันต่อปี ให้กำไรมากกว่าข้าวนาปรังเกือบ 10 เท่า จากการสำรวจพื้นที่เกษตรกรเข้าร่วมโครงการกว่า 1 ล้านไร่ จากเป้าหมาย 33 จังหวัด และมีเกษตรกรประสงค์เข้าร่วมเพิ่มเติมอีก 4 จังหวัด ได้แก่ มุกดาหาร เลย อำนาจเจริญ และยโสธร รวมเป็น 37 จังหวัด โดยจะเร่งนำเข้า ครม.วันที่ 4 ธันวาคมนี้รับทราบการขยายพื้นที่ เพื่อสนับสนุนการปลูกโดยเร็วที่สุด ล่าสุดเกษตรกรลงทะเบียนกว่า 700,000 ไร่ พร้อมมีจุดรับซื้อครอบคลุมทุกอำเภอ ดังนั้น ขอให้ข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ ทุกคนมุ่งมั่นดำเนินการโครงการนี้ให้ประสบความสำเร็จ เป็นนโยบาย “ทำเพื่อชาติ” ไม่ให้ล้มเหลวเหมือนปีที่ผ่านมา
นายกฤษฎา กล่าวว่า สั่งการให้ผู้ตรวจราชการทั้ง 12 คนไปติดตามดูแลเกษตรกรทุกพื้นที่ว่าหยอดเมล็ดข้าวโพด อัตราการงอกเป็นอย่างไร พร้อมรายละเอียดเรื่องเอกชนทำสัญญารับซื้อต้องตรงไปตรงมา ทั้งเงื่อนไขประกันภัย ระดับความเสียหายที่เกษตรกรจะได้รับชดเชยไร่ละ 1,500 บาท
“ขณะนี้การเมืองจะเริ่มมีบทบาทมากขึ้น หลังวันที่ 7 ธันวาคม พรรคการเมืองเริ่มหาเสียงได้ คาดว่า กระทรวงเกษตรฯ จะโดนโจมตีมากขึ้นอีก จากปัญหาราคาสินค้าเกษตร จึงขอให้ข้าราชการทุกคนตั้งใจทำโครงการให้สำเร็จใน 4 เดือน ซึ่งเป็นช่วงเวลาเพาะปลูกข้าวโพด หากเกษตรกรขายข้าวโพดได้อย่างน้อยกิโลกรัมละ 8 บาท หรือถึง 10 บาทเท่าราคาปัจจุบัน กระทรวงเกษตรฯ จะมีผลงานชัดเจน ทำให้เกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ขอยืนยันอีกครั้งว่าจะไม่ลงการเมืองสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.หรือเข้าสังกัดพรรคใด ระหว่างนี้จะทำหน้าที่รัฐมนตรีเกษตรฯ พัฒนาความเป็นอยู่เกษตรกรในอาชีพอย่างมั่นคงตามที่ตั้งใจไว้”นายกฤษฎา กล่าว.-สำนักข่าวไทย