กรุงเทพฯ 21 พ.ย. – รมว.อุตฯ ระบุรัฐบาลเดินหน้าปฏิรูปเศรษฐกิจประเทศ ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจมีอีอีซีเป็นปัจจัยสำคัญและยังเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยพลิกโฉมของอาเซียน
นายอุตตม สาวนายน รัฐมตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ปาฐกถาในการสัมมนา “การพลิกโฉมของอาเซียนภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนไป” จัดโดยกลุ่มบางกอกโพสต์ ว่า อาเซียนตื่นตัวปฏิรูปประเทศ ประเทศไทยมีความพร้อมและโอกาสมาถึงรัฐบาลจึงเดินหน้าปฏิรูปประเทศ โดยกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และมีแผนเชิงปฏิบัติเรียกว่า ประเทศไทย 4.0 ที่เป็นพิมพ์เขียวในการปฏิรูปประเทศในมิติต่าง ๆ
นายอุตตม กล่าวว่า การปฏิรูปด้านเศรษฐกิจมีเป้าหมายพัฒนาให้มีขีดความสามารถในการสร้างมูลค่าเพิ่มระดับสูงสามารถเชื่อมโยงและใช้ประโยชน์จากการเชื่อมโยงกับประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านและกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี – เจ้าพระยา – แม่โขง หรือ ACMECS รวมถึงประเทศที่เป็นหุ้นส่วนในการพัฒนากับอาเซียนในการพัฒนากับภูมิภาคอื่น
“โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซีนั้น ออกแบบขึ้นเพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงในภูมิภาคเพื่อให้เกิดการผลิตและบริการระดับโลก และเป็นส่วนหนึ่งช่วยพลิกโฉมของอาเซียน ฉะนั้นจึงขึ้นอยู่กับการสนับสนุนของอาเซียนและนานาชาติด้วย ซึ่งรัฐบาลไทยจะทำงานร่วมกับอาเซียน ประเทศไทยจึงอยู่ในจุดที่ดีมากในการปฏิรูปประเทศและการปฏิรูปอาเซียน ด้านข้อมูลการลงทุนในอีอีซี เชื่อว่าปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 300,000 ล้านบาท และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหลัก 5 โครงการแล้วได้ตามแผนแล้วความรู้สึกของนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศน่าจะดี และอีอีซี ยังมีส่วนสนับสนุนขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยและหากตลาดต่างประเทศผันผวนก็จะเป็นส่วนที่ช่วยสร้างความมั่นใจ เพราะการลงทุนอีอีซีเป็นการลงทุนระยะยาว” นายอุตตม กล่าว
นายอุตตม กล่าวว่า ปีหน้าประเทศไทยจะเป็นประธานอาเซียนและในพิธีการส่งมอบตำแหน่งประธานอาเซียนที่ประเทศสิงคโปร์สัปดาห์ที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ระบุว่า จะส่งเสริมความร่วมมือที่ยั่งยืน มีการใช้เทคโนโลยีปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคที่ 4 เพื่อให้อาเซียนกลายเป็นดิจิทัลอาเซียน ส่งเสริมความร่วมมือรูปแบบอาเซียนพลัสวัน เน้นอาเซียนเป็นศูนย์กลางก่อเกิดความร่วมมือเป็นประโยชน์ต่อทุกคน
นายอุตตม กล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปีหน้าว่า พื้นฐานเศรษฐกิจไทย การเงินการคลังมีความมั่นคง ปีหน้าเศรษฐกิจไทยมีแรงขับเคลื่อนต่อ ซึ่งสะท้อนจากการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรม คำสั่งซื้อสินค้าที่เพิ่มขึ้น การเติบโตของการท่องเที่ยว แต่ต้องจับตาในเวทีโลกโดยเฉพาะความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งจะมีผลต่อประเทศไทยที่เป็นประเทศส่งออก แต่ประเทศไทยมีภูมิคุ้มกันที่เข้มแข็ง อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความขัดแย้งที่เกิดขึ้นประเทศไทยก็มีโอกาสที่จะได้รับอยู่เช่นกัน โดยมีความเป็นไปได้ที่นักลงทุนจีนบางส่วนจะย้ายฐานการผลิตมาไทยและอาเซียน แต่จะต้องพิจารณาให้ชัดเจนว่า อะไรที่จะเหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อประเทศ สิ่งเหล่านี้จึงจะเป็นปัจจัยที่ช่วยเกื้อหนุนเศรษฐกิจไทยในปีหน้าได้อีกเช่นกัน
สำหรับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นปีหน้านั้น นายอุตตม เชื่อว่าประเทศไทยมีโรดแมพเข้าสู่การเลือกตั้ง ซึ่งเป็นที่รับรู้ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศไปแล้ว และได้รับความสนใจติดตาม และรัฐบาลเดินหน้าตามโรดแมพ สำหรับสิ่งที่ประเทศไทยจะได้รับ คือ ความมั่นใจต่อประเทศไทยสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตย ด้านเศรษฐกิจจะเป็นแรงส่งเสริมให้เศรษฐกิจไทยปีหน้าก้าวต่อไปได้รวมถึงการปฏิรูปประเทศ
นายอุตตม กล่าวถึงผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอมอี) และไมโครเอสเอ็มอี ว่า ปัจจุบันสามารถเข้าถึงตลาดต่างประเทศได้แล้วซึ่งเป็นโอกาส แต่ยังต้องเติมเต็มความสามารถในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งรัฐบาลร่วมมือกับภาคเอกชน เช่น สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาตรการโครงการที่จะช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้าถึงความรู้ในการรับมือกับความเสี่ยงเหล่านี้แล้ว. – สำนักข่าวไทย