เปิดแผนป้องกันยาเสพติด ปี 62

วิภาวดีรังสิต  31 ต.ค.-รมว.ยุติธรรม แจงแผนป้องกันและปรามปรามยาเสพติดปี 62 เน้นย้ำ 13 เรื่องหลัก เสริมประสิทธิภาพการข่าว เข้มงวดจุดเสี่ยงเพื่อสกัดกั้นการลักลอบขนยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน ปัจจุบันพบผู้เสพกว่า 3 แสนคน ส่วนในเดือน ต.ค.พบมีการเคลื่อนย้ายยาเสพติดข้ามฝั่งเร็วขึ้น


พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานเปิดการประชุมชี้แจงแผนปฏิบัติการป้องกัน ปราบปรามและบำบัดรักษายาเสพติดปี 2562 ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) จัดขึ้น เพื่อสร้างความเข้าใจ กำหนดทิศทางในการขับเคลื่อนงานการแก้ไขระดับพื้นที่และมอบนโยบายการทำงานตามแผนป้องกัน ปรามปราบยาเสพติดปี 2562แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า1,000 คน 


พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า รัฐบาลกำหนดให้ปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่ง ชาติ โดยจัดทำแผนแม่บทการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด เป็น1 ใน22 แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ต้องเร่งแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ โดยการดำเนินงานในปี 2562 เน้นย้ำใน 13 เรื่องหลัก ได้แก่ มีการวางระบบงานการข่าวยาเสพติดที่มีประสิทธิภาพ เพราะพื้นที่ของไทย มีความคาบเกี่ยวกับพื้นที่เสี่ยงลักลอบยาเสพติดทั้งทางภาคเหนือ  ตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ ซึ่งพบว่าต้นทางของยาเสพติดมาจากตอนใต้ของจีน ซึ่งการข่าวเป็นเรื่องสำคัญ หากรู้ข้อมูลก่อน เชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้านได้ จะยิ่งทำให้การสกัดกั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น ป้องกันข้อมูลไม่ให้รั่วไหล 

นอกจากนี้มุ่งเน้นการดำเนินงานด้านต่างประเทศเชิงรุก เพื่อทำลายแหล่งผลิตและแหล่งพักยานอกประเทศ ที่เป็นต้นทางของยาเสพติด โดยเฉพาะใน 6 ประเทศลุ่มน้ำโขง โดยเฉพาะจีน เข้มงวดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ขณะที่พม่า ที่ไทยได้ไปร่วมออก7 มาตรการ เพื่อเกิดการปฏิบัติการร่วมกันในพื้นที่ชายแดน ,เพิ่มความเข้มงวดในการสกัดกั้นและหยุดการลำเลียงสารเคมีภัณฑ์และยาเสพติดไม่ให้เข้าประเทศไทยตามแนวชายแดน โดยกำหนดจุดหล่อแหลมที่มีความเสี่ยงในทุกๆ 3-6 เดือนเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจ ซึ่งในทุกจุดหล่อแหลม 


ตลอดจนสร้างความเข้มแข็งของหมู่บ้าน-ชุมชนในการป้องกันยาเสพติด ,ลดปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติดในพื้นที่ ตัดวงจรการค้ายาเสพติด, เข้มงวดกวดขัน ตรวจตรา เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของยาเสพติดตามสถานบันเทิงและพื้นที่เสี่ยง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผู้เสพรายใหม่ ,ลดผลกระทบอันเนื่องมาจากยาเสพติด ที่ส่งผลต่อครอบครัว ชุมชน ,แก้ไขปัญหาผู้เสพผู้ติดยาเสพติด โดยกระทรวงสาธารณสุข เป็นเจ้าภาพหลัก คืนคนดีสู่สังคม ,ให้สถานศึกษาดูแลสอดล่องเด็กไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวยาเสพติด ,ให้กระทรวงแรงงานและกระทรวงอุตสาหกรรม เน้นย้ำเจ้าของและผู้ประกอบการ ป้องกันไม่ให้มีแหล่งซื้อขายและแพร่ระบาดยาเสพติด ,ให้มีการขับเคลื่อนการทำ งานตามแผน “ตำบลมั่นคงปลอดภัย”

เข้มงวด กวดขัน เจ้าหน้าที่รัฐทุกระดับไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ,และแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่พิเศษเฉพาะ อาทิ ชายแดนภาคเหนือ-ภาคใต้ โดยตั้งเป้าต้องแก้ไขปัญหาให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมภายใน 3 เดือน โดยให้ ป.ป.ส.เป็นหน่วยงานกลางในการวางระบบและประมวลผลและให้รายงานต่อนายกรัฐมนตรีทุกเดือน 

ด้านนายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการป.ป.ส. กล่าวว่า ในเชิงกลยุทธ์เเก้ปัญหา มองใน 2 ส่วน หนึ่งคือการปฏิบัติร่วมกันระหว่างไทยเเละเพื่อนบ้านมีเเผนเฉพาะคือแผนความร่วมมือในการปฏิบัติการป้องกันเเละเเก้ไขปัญหายาเสพติดไทย-เมียนมา ตั้งกลไกสกัด 3 ระดับ คือส่วนกลางที่กรุงเทพมหานครเเละกรุงเนปิดอร์   ระดับภาคที่ท่าขี้เหล็กเเละเชียงใหม่ เเละพื้นที่ปฏิบัติคือเเนวชายแดน  ความคืบหน้าของเเผนนี้คือการตั้งจุดสกัดในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งพบว่าในเดือนตุลาคมมีการเคลื่อนย้ายยาเสพติดจำนวนมากข้ามฝั่งมาเร็วขึ้น   พื้นที่จุดลักลอบในเข้ามามากใน 4 จังหวัด 19 อำเภอ 33 ตำบล เเละมีหมู่บ้านที่ล่อเเหลมต่อการลักลอบนำเข้ายาเสพติด 47 หมู่บ้าน ซึ่งมีเเผนเข้าไปจัดการเเบบเบ็ดเสร็จ หลังวิเคราะห์ว่าปัญหาพื้นฐานที่มีการนำเข้ายาเสพติดนั้นเกิดจาก โอกาสของประชาชนในพื้นที่นำสู่ปัญหายาเสพติด ไปค้าหรือไปใช้ และมีเจ้าหน้าที่มีอิทธิพลมาครอบคลุม จึงต้องสลายปัญหาเหล่านี้ โดยเริ่มพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนให้ดีขึ้นเเละแก้ปัญหายาเสพติด ค้นหาผู้เสพเเละดึงเข้ามาบำบัด เเละบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด 

ส่วนผู้มีอิทธิพลดำเนินการย้ายออกจากราชการไปแล้วจำนวนมาก ขณะเดียวความรุนเเรงของปัญหาส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ชายเเดนทั้งสิ้น สถิติการเสพการครอบครองมีเพิ่มขึ้น ปัจจุบันมีผู้เสพประมาณ 3 เเสนคน 

ขณะที่กลุ่มคนที่เข้าบำบัดรักษามีประมาณ 2 เเสนคน ขณะเดียวกันพื้นที่ชายแดนภาคใต้ วันที่ 2 พ.ย.นี้จะมีการตรวจขันเเละลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างเข้มงวด คาดค้นหาผู้เสพได้เป็นอย่างดี.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้ใหญ่บ้านมอบตัว คดียิงชายใหม่ของเมียเก่า ดับคากระบะ

นนทบุรี 20 พ.ค. – ผู้ใหญ่บ้านหึงโหด บุกยิงกิ๊กของอดีตภรรยา 6 นัด เสียชีวิตคารถกระบะ มอบตัวแล้ว เบื้องต้นถูกแจ้งหลายข้อหาหนัก ขณะที่เจ้าตัวฝากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต นายอานนท์ อายุ 40 ปี ผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.องครักษ์ จ.นครนายก หึงโหด บุกยิงนายพลาธิป อายุ 34 ปี อาชีพขับรถส่งหมู ซึ่งเป็นกิ๊กของอดีตภรรยา เสียชีวิตภายในรถกระบะที่จอดอยู่ในซอยลาดปลาดุก ถนนบางไผ่-หนองเพรางาย ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.30 น.ที่ผ่านมา (19 พ.ค.) จากภาพจะเห็นว่าเมื่อเวลา 21.02 น. เห็นผู้ตายขับรถกระบะมาจอดริมทาง ก่อนมีรถกระบะสีดำอีกคันตามมาจอดปิดท้าย จากนั้นผู้ก่อเหตุอยู่ในชุดสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้น เดินลงจากรถ ใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้ตายที่ยังนั่งอยู่ในรถ แล้วหลบหนีไป ช่วงสายที่ผ่านมา (20 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง เบิกตัวนายอานนท์ ผู้ก่อเหตุ มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง หลังเมื่อราวตี […]

ขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย

กทม. 19 พ.ค.-ทีมค้นหาฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เพื่อขุดค้นหาผู้ประสบเหตุ ซึ่งขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ทีมค้นหา ทั้ง กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) Usar Thailand เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และบริษัทรับเหมาเจาะเสาเข็ม ได้ใช้แบคโฮ เริ่มฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ ความยาวประมาณ 16 เมตร รอบหลุมเสาเข็ม 4 ด้าน เพื่อป้องกันดินสไลด์ปิดทับปากหลุมที่รถแบ็คโฮจะทำการขุด เพื่อค้นหาผู้ประสบเหตุ โดยการฝั่งแผ่นชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เนื่องจากการประเมินของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรม พบว่าดินที่สไลด์ลงมาส่งผลกระทบรุนแรงต่อโครงสร้างอาคาร และเสาไฟฟ้า ในบริเวณที่เกิดเหตุ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาอาคารทรุดตัว เอน และ พังถล่ม จึงจำเป็นต้องนำแผ่นชีทไพล์มากั้น ก่อนทำการขุดดิน และเริ่มค้นหาผู้ประสบเหตุ และหลังจากฝังชีทไพล์ เสร็จสิ้นในเวลา 18.30 น. โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องโซน่า ลงไปในหลุม เพื่อค้นหาร่างผู้ประสบเหตุ ซึ่งจากการใช้ โซน่าสแกน ร่างของผู้ประสบเหตุ ฝังอยู่ในหลุมลึก […]

พบศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลังทิ้งกลางไร่อ้อย

กาญจนบุรี 18 พ.ค. – พบแล้วศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลัง นำศพทิ้งกลางไร่อ้อย เมืองกาญจน์ หลังครอบครัวแจ้งช่วยตามหาตัวตั้งแต่คืนวันที่ 14 พ.ค. ตั้งปมสังหารเรื่องชู้สาว ความคืบหน้ากรณี “ดีเจเตเต้” ถูกขับรถตามประกบ ก่อนอุ้มขึ้นรถหายตัวไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.53 น. ของวันที่ 14 พ.ค. ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมถนนแสงชูโต ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุพ่อของดีเจเตเต้ ได้ออกมาอัดคลิปลงเฟซ บุ๊กเพื่อขอความช่วยเหลือในการตามหาตัวลูกชายที่หายตัวไป ก่อนที่ล่าสุดจะพบว่า กลายเป็นศพอยู่กลางไร่อ้อยเชิงเขาบ้านทุ่งนานางหรอก โดยวันนี้เวลาประมาณ 10.30 น. นายธนพล เสือส่าน กำนันบ้านทุ่งนานางหรอก ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพอยู่บริเวณไร่อ้อย หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี คนที่ไปเจอ เป็นน้าชายของนายกอล์ฟคนในหมู่บ้าน ที่ออกไปหาของป่าแล้วไปเจอศพ ในสภาพนอนตะแคง ถูกมือถูกมัดไขว้หลัง แล้วมาบอกหลานชายคือนายกอล์ฟไปดูด้วยกัน แล้วนายกอล์ฟจึงแจ้งให้กำนันทราบ ทางกำนันก็แจ้งเรื่องต่อไปยังตำรวจ สภ.ลาดหญ้า ซึ่งเบื้องต้นศพสวมเสื้อผ้าตรงกับที่เป็นข่าว […]

หาความจริง “แก๊งแม่ชีพันล้าน” ยันไม่ใช่เรื่องจริง

สมุทรสาคร 18 พ.ค. – วงการสงฆ์ยังไม่แผ่ว กระแสแก๊งแม่ชีพันล้านโผล่อีก สำนักพุทธลงตรวจสอบแล้ว แม่ชีที่ถูกกล่าวหา ตอบได้ทุกคำถาม ยืนยันไม่ใช่เรื่องจริง จากกระแสเมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) มีเพจหนึ่งนำภาพกลุ่มแม่ชีหลายภาพพร้อมกองธนบัตร และภาพแม่ชีที่แอดมินระบุอ้างว่าเป็นการใส่วิกผม มาโพสต์ลงโซเชียล พร้อข้อความเขียนแจงอย่างละเอียดว่า กรณีมีเพจดังโพสต์ภาพแม่ชีพร้อมข้อความระบุข้อความเด็ดว่า ทำนองว่า “แก๊งแม่ชีพันล้านคุมวัดเบ็ดเสร็จไร้เงาพระ! 1. แม่ชี 2 พี่น้องบริหารวัดลำพังไม่มีไวยาวัจกร ไม่มีกรรมการ ไม่มีมัคทายก ครอบครองที่ดินนับพันไร่แต่ชื่อเจ้าของไม่ใช่วัด บางแปลงเป็นชื่อแม่ชี อาจเข้าข่าย “ถือครองแทน” หรือใช้วัดบังหน้า? ยอดกฐินปีละเกือบ 100 ล้าน! รายชื่อผู้บริจาคซ้ำๆ เดิมๆ ส่วนใหญ่เป็นแม่ชี-คนในวัด ไม่มีอาชีพ ไม่มีธุรกิจ แต่ “บริจาคเป็นล้านทุกปี” ระบบโบนัสแม่ชีสาวช่วยหาทุนได้มาก พาเที่ยวรีสอร์ตหรูปีละครั้ง ใส่วิกเต็มยศ นั้น วันนี้ผู้สื่อข่าวพร้อม นส.สวาท แซ่ตัน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สมุทรสาคร นายอิทธิธร สีเหลือง นักวิชาการศาสนาปฏิบัติการ เดินทางไปที่วัดที่แม่ชีในภาพบวชอยู่ ต.บางโทรัด […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ หารือภาคท่องเที่ยวอังกฤษ เปิดตลาดใหม่ ดึง นทท.เข้าไทย

ลอนดอน 22 พ.ค. – นายกฯ หารือภาคท่องเที่ยวอังกฤษ เปิดตลาดท่องเที่ยวใหม่ ดึงนักท่องเที่ยวเข้าไทย ตั้งเป้าปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ทำให้เป็น Tourism Hub ระดับโลก ชี้ 4 เดือนแรก นักท่องเที่ยวยุโรปเข้าไทยแล้วกว่า 3.5 ล้านคน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หารือร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) บริษัทท่องเที่ยวของสหราชอาณาจักร ผู้บริหารสายบิน เป็นต้น เพื่อผลักดันการท่องเที่ยวของไทย จากนั้น น.ส.แพทองธาร โพสต์ข้อความทางโซเชียลมีเดียว่า ปีนี้ไทยตั้งเป้าเป็นปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ทำให้ไทยเป็น Tourism Hub ระดับโลก ที่ผ่านมารัฐบาลทำแคมเปญหลายอย่าง โดยเฉพาะการมุ่งเป้าทำให้การใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อคนต่อทริป (Spending […]

ปลาติดเชื้อจากสารเคมีปนเปื้อนในแม่น้ำกก

เชียงราย 22 พ.ค. – วิกฤติน้ำกก หลังพบสารหนู-สารเคมีปนเปื้อนจากการทำเหมืองแร่ ลุกลามไปแม่น้ำสายและแม่น้ำโขงแล้ว ล่าสุดตรวจพบปลาในแม่น้ำมีอาการผิดปกติที่ผิวหนัง ส่วนช้างอาบน้ำในน้ำกกมีผื่นและตุ่มใส ติดเชื้อจนเกิดแผล หลังจากมีการตรวจสอบหาสารหนู และสารเคมีอื่นๆ ในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง ทำให้พบว่ามีปริมาณเกินกว่ามาตรฐานหมายเท่าตัว จากการทำเหมืองแร่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา และตรวจพบปลาในแม่น้ำมีอาการผิดปกติที่ผิวหนัง ซึ่งทางกรมประมงได้ติดตามการติดเชื้อของปลาในแม่น้ำทั้ง 3 สาย โดยนำปลาที่ชาวประมงพื้นบ้านจับได้จากแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง นำมาตวรจสอบหาสารตกค้าง และเชื้อโรคที่ปลาได้รับ เพื่อป้องกันการติดเชื้อสู่มนุษย์ หากนำไปบริโภค นายสมเกียรติ เขื่อนเชียงสา นายกสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต เปิดเผยว่าสมาคมพยายามจะมอนิเตอร์ปลาในแม่น้ำกก แม่น้ำรวก แม่น้ำโขง เพื่อติดตามว่ามีการติดเชื้อแพร่กระจายไปถึงไหนบ้าง เพื่อจะเก็บตัวอย่างรีบส่งให้กับทางกรมประมง ในการตรวจหาสาเหตุภายในของปลาว่ามีเชื้ออะไรบ้าง ซึ่งต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ ป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำ ซึ่งขณะนี้เกิดความวิตก และกังวลใจของชาวประมงที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก ที่ต้องหาปลาในแมน้ำ เมื่อเกิดสถานการณ์ขึ้นการค้าขายปลาเกิดผลกระทบ ทางเศรษฐกิจในชุมชน คนไม่นิยมปลาจากแม่น้ำ ทำให้ขาดรายได้เลี้ยงชีพ นอกจากนี้ที่บ้านรวมมิตร ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย พบว่าน้ำในแม่น้ำกกมีลักษณะขุ่นจัด เมื่อเทียบกับลำห้วยสาขาที่ไหลลงสู่แม่น้ำ ซึ่งมีน้ำใสกว่ามาก เทศบาลตำบลแม่ยาวได้เร่งติดตั้งป้ายเตือนประชาชน […]

“ยิ่งลักษณ์” โพสต์ตัดพ้อ ต้องชดใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อ

กรุงเทพฯ 22 พ.ค.-“ยิ่งลักษณ์” โพสต์หลังศาลปกครองสูงสุด สั่งชดใช้ 10,028 ล้านคดีจำนำข้าว ตัดพ้อ ต้องชดใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อ รับภาระหนี้จากฝ่ายปฏิบัติ ลั่นหนี้หมื่นล้านชดใช้ทั้งชีวิตยังไงก็ไม่มีวันหมด ทำเพื่อชาวนากลับมีบทสรุปที่เจ็บปวด นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความภายหลัง ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตฐานะประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติต้องชดใช้ค่าเสียหายส่วนระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี 10,028 ล้านบาท ว่า “เรียน พี่น้องประชาชนที่เคารพ วันที่ 22 พฤษภาคมปีนี้ เป็นวันครบรอบ 11 ปี รัฐประหาร ซึ่งถือเป็นการยึดอำนาจอธิปไตยของประชาชนทั้งประเทศ และเป็นวันที่ศาลปกครองสูงสุด อ่านคำวินิจฉัยให้ดิฉันต้องชดใช้หนี้กว่า 10,000 ล้านบาท จากคดีระบายข้าว ทั้งที่ดิฉันไม่ได้เป็นจำเลยในคดีนี้ และศาลปกครองกลางได้เคยวินิจฉัยว่าดิฉันไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายในกรณีดังกล่าวมาแล้ว จากคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดในวันนี้ ทำให้ดิฉันต้องชดใช้หนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อ ความเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารที่ต้องมารับภาระหนี้ที่เกิดจากการระบายข้าวของฝ่ายปฏิบัติ โดยที่ตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระบวนการเหล่านั้นแต่อย่างใด และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็พิพากษาในคดีของดิฉันว่า ปล่อยปละละเลยในการบริหารโครงการรับจำนำข้าวเท่านั้น นโยบายรับจำนำข้าว เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย และเป็นนโยบายที่คณะรัฐมนตรีแถลงต่อรัฐสภา ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องปฏิบัติ มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศจากฐานราก […]

ศาลปกครองสูงสุด สั่ง “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้หมื่นล้านบาท

22 พ.ค. – ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาให้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ความเสียหาย 10,028 ล้านบาท จากคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่ ก.คลัง ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ศาลปกครองสูงสุดนัดออกบัลลังก์ อ่านคำพิพากษาคดีที่กระทรวงการคลัง ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางที่สั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1351 /2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ที่ให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717 ล้านบาท ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น ให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังเฉพาะส่วน ให้ชดใช้จำนวน 10,028 ล้านบาท และเพิกถอนคำสั่งยึดอาญัติทรัพย์สิน เพื่อขายทอดตลาด และคำสั่งอื่น โดยเห็นว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำอุทธรณ์ฟังขึ้นบางส่วน ศาลพิจารณาว่าไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในการจำนำข้าวเปลือกนาปี แต่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายการระบายข้าวโดยวิธีการขายแบบรัฐต่อรัฐหรือ จีทูจี จากความเสียหาย 20,057 ล้านบาท เพราะประมาทเลินเล่อ ก่อให้เกิดความเสียหาย และต้องกำหนดสัดส่วนรับผิด ร้อยละ 50 […]