เปิดแผนป้องกันยาเสพติด ปี 62

วิภาวดีรังสิต  31 ต.ค.-รมว.ยุติธรรม แจงแผนป้องกันและปรามปรามยาเสพติดปี 62 เน้นย้ำ 13 เรื่องหลัก เสริมประสิทธิภาพการข่าว เข้มงวดจุดเสี่ยงเพื่อสกัดกั้นการลักลอบขนยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน ปัจจุบันพบผู้เสพกว่า 3 แสนคน ส่วนในเดือน ต.ค.พบมีการเคลื่อนย้ายยาเสพติดข้ามฝั่งเร็วขึ้น


พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานเปิดการประชุมชี้แจงแผนปฏิบัติการป้องกัน ปราบปรามและบำบัดรักษายาเสพติดปี 2562 ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) จัดขึ้น เพื่อสร้างความเข้าใจ กำหนดทิศทางในการขับเคลื่อนงานการแก้ไขระดับพื้นที่และมอบนโยบายการทำงานตามแผนป้องกัน ปรามปราบยาเสพติดปี 2562แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า1,000 คน 


พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า รัฐบาลกำหนดให้ปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่ง ชาติ โดยจัดทำแผนแม่บทการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด เป็น1 ใน22 แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ต้องเร่งแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ โดยการดำเนินงานในปี 2562 เน้นย้ำใน 13 เรื่องหลัก ได้แก่ มีการวางระบบงานการข่าวยาเสพติดที่มีประสิทธิภาพ เพราะพื้นที่ของไทย มีความคาบเกี่ยวกับพื้นที่เสี่ยงลักลอบยาเสพติดทั้งทางภาคเหนือ  ตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ ซึ่งพบว่าต้นทางของยาเสพติดมาจากตอนใต้ของจีน ซึ่งการข่าวเป็นเรื่องสำคัญ หากรู้ข้อมูลก่อน เชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้านได้ จะยิ่งทำให้การสกัดกั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น ป้องกันข้อมูลไม่ให้รั่วไหล 

นอกจากนี้มุ่งเน้นการดำเนินงานด้านต่างประเทศเชิงรุก เพื่อทำลายแหล่งผลิตและแหล่งพักยานอกประเทศ ที่เป็นต้นทางของยาเสพติด โดยเฉพาะใน 6 ประเทศลุ่มน้ำโขง โดยเฉพาะจีน เข้มงวดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ขณะที่พม่า ที่ไทยได้ไปร่วมออก7 มาตรการ เพื่อเกิดการปฏิบัติการร่วมกันในพื้นที่ชายแดน ,เพิ่มความเข้มงวดในการสกัดกั้นและหยุดการลำเลียงสารเคมีภัณฑ์และยาเสพติดไม่ให้เข้าประเทศไทยตามแนวชายแดน โดยกำหนดจุดหล่อแหลมที่มีความเสี่ยงในทุกๆ 3-6 เดือนเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจ ซึ่งในทุกจุดหล่อแหลม 


ตลอดจนสร้างความเข้มแข็งของหมู่บ้าน-ชุมชนในการป้องกันยาเสพติด ,ลดปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติดในพื้นที่ ตัดวงจรการค้ายาเสพติด, เข้มงวดกวดขัน ตรวจตรา เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของยาเสพติดตามสถานบันเทิงและพื้นที่เสี่ยง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผู้เสพรายใหม่ ,ลดผลกระทบอันเนื่องมาจากยาเสพติด ที่ส่งผลต่อครอบครัว ชุมชน ,แก้ไขปัญหาผู้เสพผู้ติดยาเสพติด โดยกระทรวงสาธารณสุข เป็นเจ้าภาพหลัก คืนคนดีสู่สังคม ,ให้สถานศึกษาดูแลสอดล่องเด็กไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวยาเสพติด ,ให้กระทรวงแรงงานและกระทรวงอุตสาหกรรม เน้นย้ำเจ้าของและผู้ประกอบการ ป้องกันไม่ให้มีแหล่งซื้อขายและแพร่ระบาดยาเสพติด ,ให้มีการขับเคลื่อนการทำ งานตามแผน “ตำบลมั่นคงปลอดภัย”

เข้มงวด กวดขัน เจ้าหน้าที่รัฐทุกระดับไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ,และแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่พิเศษเฉพาะ อาทิ ชายแดนภาคเหนือ-ภาคใต้ โดยตั้งเป้าต้องแก้ไขปัญหาให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมภายใน 3 เดือน โดยให้ ป.ป.ส.เป็นหน่วยงานกลางในการวางระบบและประมวลผลและให้รายงานต่อนายกรัฐมนตรีทุกเดือน 

ด้านนายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการป.ป.ส. กล่าวว่า ในเชิงกลยุทธ์เเก้ปัญหา มองใน 2 ส่วน หนึ่งคือการปฏิบัติร่วมกันระหว่างไทยเเละเพื่อนบ้านมีเเผนเฉพาะคือแผนความร่วมมือในการปฏิบัติการป้องกันเเละเเก้ไขปัญหายาเสพติดไทย-เมียนมา ตั้งกลไกสกัด 3 ระดับ คือส่วนกลางที่กรุงเทพมหานครเเละกรุงเนปิดอร์   ระดับภาคที่ท่าขี้เหล็กเเละเชียงใหม่ เเละพื้นที่ปฏิบัติคือเเนวชายแดน  ความคืบหน้าของเเผนนี้คือการตั้งจุดสกัดในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งพบว่าในเดือนตุลาคมมีการเคลื่อนย้ายยาเสพติดจำนวนมากข้ามฝั่งมาเร็วขึ้น   พื้นที่จุดลักลอบในเข้ามามากใน 4 จังหวัด 19 อำเภอ 33 ตำบล เเละมีหมู่บ้านที่ล่อเเหลมต่อการลักลอบนำเข้ายาเสพติด 47 หมู่บ้าน ซึ่งมีเเผนเข้าไปจัดการเเบบเบ็ดเสร็จ หลังวิเคราะห์ว่าปัญหาพื้นฐานที่มีการนำเข้ายาเสพติดนั้นเกิดจาก โอกาสของประชาชนในพื้นที่นำสู่ปัญหายาเสพติด ไปค้าหรือไปใช้ และมีเจ้าหน้าที่มีอิทธิพลมาครอบคลุม จึงต้องสลายปัญหาเหล่านี้ โดยเริ่มพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนให้ดีขึ้นเเละแก้ปัญหายาเสพติด ค้นหาผู้เสพเเละดึงเข้ามาบำบัด เเละบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด 

ส่วนผู้มีอิทธิพลดำเนินการย้ายออกจากราชการไปแล้วจำนวนมาก ขณะเดียวความรุนเเรงของปัญหาส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ชายเเดนทั้งสิ้น สถิติการเสพการครอบครองมีเพิ่มขึ้น ปัจจุบันมีผู้เสพประมาณ 3 เเสนคน 

ขณะที่กลุ่มคนที่เข้าบำบัดรักษามีประมาณ 2 เเสนคน ขณะเดียวกันพื้นที่ชายแดนภาคใต้ วันที่ 2 พ.ย.นี้จะมีการตรวจขันเเละลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างเข้มงวด คาดค้นหาผู้เสพได้เป็นอย่างดี.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ใบประกอบวิชาชีพครู

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู”

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู” แนะรีบต่ออายุใบอนุญาต หลังคุรุสภาออกมาตรการ 5 ต. คุมเข้มทุกโรงเรียนทั่วไทย

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล หรือ TDAC ล่วงหน้า อย่างน้อย 3 วันก่อนเดินทาง ตามกฎใหม่ ตม.

พีชเรียกอาต่าย

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” โอ้อวดเรียก “อาต่าย” ลั่นไม่ใช่ญาติ

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” คู่กรณีรถกระบะ โอ้อวดเรียก “อาต่าย” รู้จักคนในรัฐบาล หวังผลคดี ลั่นไม่ใช่ญาติ สอนลูกเสมออย่าทำตัวเป็นขยะสังคม บอกประชาชนใช้วิจารณญาณเลือกตั้ง

“นายกเบี้ยว” ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้-ดูแลลุงคู่กรณี

“นายกเบี้ยว” รับจบแทนลูก ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้ ดูแลลุงคู่กรณี ระบุสอนลูกไม่ดี ไม่มีเวลาให้ลูก ปฏิเสธไม่สนิทกับ ผบ.ตร. อย่าเอาท่านมาแปดเปื้อน ส่วนที่ลูกชายยังไม่ไปเยี่ยมลุงคู่กรณี เนื่องจากกลัวโดนถูกโวยวาย

ข่าวแนะนำ

ลุยรื้อถอนต่อเนื่องเข้าวันที่ 24 จนท.ทำงานหนักตลอด 24 ชม.

เดินหน้ารื้อถอนอาคาร สตง. เข้าสู่วันที่ 24 แล้ว เจ้าหน้าที่ทำงานตลอด 24 ชม. เพื่อให้เสร็จตามแผน ขณะที่ภารกิจค้นหาผู้ติดค้างยังคงดำเนินต่อเนื่อง

ปล่องลิฟต์ตึกถล่ม

กทม.เดินหน้าเจาะปล่องลิฟต์ ค้นหาผู้สูญหายตึก สตง.

ผู้ว่าฯ กทม. เผยปฏิการค้นหาร่างผู้สูญหายจากเหตุตึก สตง.ถล่ม วันนี้เน้นเจาะปล่องลิฟต์-บันไดหนีไฟ หลังวานนี้ (18 เม.ย.) พบผู้เสียชีวิตในจุดดังกล่าวเพิ่มอีก 6 ราย ยืนยัน กทม. ให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานในการเข้า เก็บพยานหลักฐาน เพื่อหาตัวผู้รับผิดชอบกับเหตุการณ์ดังกล่าว