มหาสารคาม 18 ต.ค.- ผอ.โครงการชลประทานมหาสารคามเผยอ่างเก็บน้ำ 17 แห่ง โดยรวมมีน้ำเพียงร้อยละ 40 ของความจุ อีกทั้งปีนี้ฝนสะสมน้อย หลายพื้นที่ฝนทิ้งช่วงกระทบนาข้าว หวั่นปีนี้อาจเกิดภาวะภัยแล้ง
นายจรัส เพ็ญศิริสมบูรณ์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัดมหาสารคาม เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์น้ำฝนสะสมในรอบปีนี้พบปริมาณฝนในพื้นที่ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 823 มิลลิเมตร จากค่าเฉลี่ยฝนย้อนหลัง 20 ปี อยู่ที่ 1,177 มิลลิเมตร ลดลงกว่าร้อยละ 30 ทำให้เกษตรกรหลายพื้นที่ประสบปัญหาฝนทิ้งช่วง ต้นข้าวที่กำลังตั้งท้องออกรวงได้ผลผลิตไม่เต็มที่ บางพื้นที่เหี่ยวเฉา อย่างไรก็ดี หากพื้นที่ใดมีปัญหาต้องน้ำสูบน้ำในลำห้วยที่พอจะมีน้ำอยู่ในไร่นาเพื่อฟื้นฟูต้นข้าวในสามารถเก็บเกี่ยวได้ ทางชลประทานก็พร้อมสนับสนุน เช่น ต.โพธิ์ชัย อ.วาปีปทุม และ ต.แก่งเลิงจาน อ.เมือง ซึ่งได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำช่วยชาวนาได้รวมกว่า 2,000 ไร่ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพของแต่ละพื้นที่
นายจรัส ยังกล่าวถึงสถานการณ์น้ำว่า อ่างเก็บน้ำขนาดกลางทั้ง 17 แห่งของจังหวัดมหาสารคาม โดยรวมมีปริมาณน้ำเก็บกักอยู่ที่ 34.40 ล้านลูกบาศก์เมตร จากความจุ 81.42 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 42.26 ในจำนวนนี้มีอ่างเก็บน้ำ 2 แห่ง น้ำน้อยกว่าร้อยละ 30 ได้แก่ อ่างเก็บน้ำห้วยคะคาง อ.เมือง และอ่างเก็บน้ำร่องหัวช้าง อ.บรบือ ส่วนที่มีน้ำมากกว่าร้อยละ 80 คือ อ่างเก็บน้ำหนองกระทุ่ม อ.เมือง และอ่างเก็บน้ำหนองเทวราช อ.เชียงยืน ขณะที่แม่น้ำชีที่ไหลผ่านจังหวัดมหาสารคามมีปริมาณน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 7-10 เมตร ตลอดลำน้ำระยะทาง 80 กิโลเมตร ซึ่งน้ำต้นทุนคือเขื่อนอุบลรัตน์ มีปริมาณน้ำเหลืออยู่ 829.24 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 34.11 มีปริมาณน้ำใช้การได้เพียง 247.57 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 13.38 ของน้ำใช้การสูงสุด ซึ่งไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนเกษตรกรในการทำเกษตรกรรมทุกชนิด นอกเหนือจากการอุปโภค บริโภค การประปา และรักษาระบบนิเวศน์เท่านั้น.-สำนักข่าวไทย