ทำเนียบฯ 12 ก.ย.- “พุทธิพงษ์” เข้ารายงานตัวต่อนายกรัฐมนตรี หลังได้รับตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ดูเรื่องนโยบายการแก้ไขปัญหาของประชาชนและข้อร้องเรียน ปฎิเสธถูกวางตัวหาเสียงพื้นที่ กทม.ยันคดีเป็นไปตามกระบวนการของศาล
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังเข้ารายงานตัวกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง วานนี้ (11 ก.ย.)
นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ติดตามเรื่องนโยบายการแก้ไขปัญหาของประชาชนและข้อร้องเรียน รวมถึงการประสานงานรับเรื่องราวร้องทุกข์ประชาชนในทุกรูปแบบ หากมีความเร่งด่วน ก็จะส่งเรื่องให้นายกรัฐมนตรีได้ทันที ตนจะนั่งทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า อย่ามองการแต่งตั้งครั้งนี้เป็นเรื่องการเมือง หรือเป็นเรื่องการเลือกตั้ง หรือพรรคการเมือง การเข้ารับตำแหน่งในครั้งนี้ไม่มีเงื่อนไขทางการเมืองในอนาคต เป็นเรื่องของการทำงานเท่านั้น เพราะรัฐบาลอยู่ในช่วงปลายจึงมีงานที่ต้องเร่งรีบจัดการและสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจ
นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า การมาดำรงตำแหน่งครั้งนี้ไม่มีปัญหาติดใจกับพรรคประชาธิปปัตย์ ตนมีความผูกพันธ์กับพรรคประชาธิปัตย์มานานกว่า 18 ปี และไม่ปฏิเสธที่หลายฝ่ายมองว่าอดีตตนเคยร่วมงานกับ กปปส.แล้วมาร่วมงานกับรัฐบาลแต่ทุกอย่างอยู่ในกระบวนการปกติ แม้ตนจะยังมีคดีทางการเมือง และสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้จนกว่าศาลจะตัดสิน และศาลจะสืบพยานในปีหน้า
นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ผู้ที่ติดต่อตนให้ร่วมงานกับรัฐบาลมีทั้งฝ่ายพลเรือนและทหาร แต่ไม่เกี่ยวกับกลุ่มสามมิตร ซึ่งเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่รัฐบาลติดต่อมาโดยระบุว่าเป็นเรื่องมาจากพล.อ.ประยุทธ์ ก่อนหน้านั้นตนเคยได้รับการประสานให้เป็นคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แต่ปฏิเสธไปเนื่องจากไม่พร้อม แต่ครั้งนี้ไม่ติดเงื่อนไขอะไรจึงไม่ปฏิเสธ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กำชับเรื่องการทำงาน ขอให้ทำงานให้เต็มที่ และทำเพื่อประเทศชาติ พร้อมปฏิเสธไม่ทราบว่าการดำรงตำแหน่งในครั้งนี้เป็นการวางตัวมาหาเสียงในพื้นที่ของกรุงเทพมหานครหรือไม่ รวมถึงเป็นตัวกลางเพื่อประสานทางการเมือง
เมื่อถามว่าแกนนำกปปส.อีก 3 คนคือ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ นายชุมพล จุลใส และนายสกลธี ภัททิยกุล จะมาทำงานร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับตน เพราะยังทำงานส่วนตัว และไม่มีเงื่อนไขผูกติดกัน ซึ่งกปปส.มีความตั้งใจปฏิรูปประเทศ เรื่องนี้ก็ไม่ขัดกับพล.อ.ประยุทธ์ เนื่องจากมีอุดมการณ์เดียวกัน และการมารับตำแหน่งครั้งนี้ไม่ได้ปรึกษากับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) เพราะเป็นการตัดสินใจของตน ส่วนจะกลับไปร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์อีกหรือไม่ เป็นเรื่องเร็วไปที่จะตอบ เนื่องจากยังไม่ปลดล็อคทางการเมือง และหากกลับไปช่วยหาเสียงในช่วงที่มีการปลดล็อคคงไม่เหมาะสม เพราะยังทำหน้าที่ให้กับรัฐบาลอยู่ ส่วนในอนาคตจะร่วมงานกับพรรครัฐบาลหรือไม่รอดูอนาคตก่อน.-สำนักข่าวไทย