ดีเอสไอ 10 ก.ย. – ดีเอสไอจับกุมกลุ่มเด็กเยาวชนใน จ.จันทบุรี หลอกลวงเงินผ่านไซเบอร์ ใช้ร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่-ร้านเกมออนไลน์รวมตัวก่อเหตุ ผู้เสียหายทั่วประเทศรวมมูลค่า 7 ล้านบาท
กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมกับTrue Money แถลงข่าวแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังภัยจากสื่อสังคมออนไลน์ โดย พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า ปัจจุบันมีประชาชนร้องเรียนผ่านหน่วยบริการประชาชนด้านงานคดีพิเศษในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับภัยไซเบอร์ โดยในการแจ้งเบาะแสว่ามีการหลอกลวงผ่านเฟซบุ๊ก จำนวน 207 เรื่องหลอกลวงผ่านคอลเซ็นเตอร์ไม่น้อยกว่า 8 เรื่อง รวมทั้ง มีผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียนให้ข้อมูลการกระทำความผิดโดยใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นเครื่องมือในการหลอกลวงประชาชนเพื่อให้หลงเชื่อโอนเงิน
พ.ต.ท.ประวุธ กล่าวต่อว่า ล่าสุดดีเอสไอได้ตรวจสอบและทำการจับกุมขบวนการหลอกลวงผ่านไซเบอร์ โดยใช้ร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่หรือร้านเกมออนไลน์ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีรวมตัวก่อเหตุ มีผู้กระทำผิดเป็นกลุ่มเด็กและเยาวชนประมาณ 20 คน อายุระหว่าง 15 ปีหรือเรียนมัธยม ถึงเรียนมหาวิทยาลัย โดยมีพฤติการณ์ก่อเหตุหลายรูปแบบ ใช้ร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ ร้านเกมออนไลน์ เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ จากนั้นจะแบ่งหน้าที่กันทำ โดยมีกลุ่มหนึ่งเข้าไปเจาะระบบเฟซบุ๊ก หรือไลน์ ของบุคคลอื่นเพื่อที่จะหลอกขอยืมเงินจากเพื่อนในเฟซบุ๊กหรือไลน์นั้นๆ มีการหลอกให้ซื้อซิมโทรศัพท์มือถือโดยการเข้าไปค้นหาข้อมูลบัตรประชาชนจากGoogle แล้วนำมาผูกกับบัญชีที่ให้บริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์เพื่อหลอกให้โอนเงิน รวมทั้งจัดทำเฟซบุ๊กปลอมแอบอ้างว่าเป็นบริษัทชื่อดังหลอกว่าได้รับรางวัลใหญ่แต่ต้องโอนเงินมาก่อนเพื่อยืนยันสิทธิ์ ปลอมเป็นร้านขายของออนไลน์หลอกให้ซื้อของราคาถูก หลอกขอรับบริจาคหรือประกาศหาคนทำงานออนไลน์ โดยหลอกให้ส่งสำเนาบัตรประชาชนและหมายเลขบัญชีธนาคาร เพื่อคนร้ายจะนำเอาข้อมูลดังกล่าวไปใช้ในการรับเงินที่ได้จากการกระทำความผิดอื่นๆ
สำหรับการกระทำของแก๊งวัยรุ่นกลุ่มนี้มีผู้ได้รับความเสียหายจากทั่วประเทศรวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 7 ล้านบาท เบื้องต้นดีเอสไอได้ประสานสำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรีและฝ่ายปกครองเพื่อดำเนินการทางอาญาและปกครองกับเยาวชนกลุ่มนี้แล้ว
ส่วนร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ หรือร้านเกมส์ออนไลน์ที่กลุ่มนี้ใช้รวมตัวก่อเหตุขณะนี้ได้ปิดบริการแล้ว และการสอบสวนเบื้องต้นไม่พบความเชื่อมโยงในการร่วมกระทำผิด แต่ได้กำชับให้ร้านเกมส์ทั่วประเทศปฏิบัติตามกฏหมายอย่างเคร่งครัดโดยเฉพาะการเก็บข้อมูลไฟล์การเข้าถึงเว็บไซต์ต่างๆของผู้มาใช้บริการเพื่อประโยชน์ในการสืบสวนสอบสวนในกรณีที่มีปัญหา
ทั้งนี้ผู้กระทำความผิดมีความผิดดังนี้
1.นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู่อื่นหรือประชาชน มีโทษจำคุกไม่เกิน5ปี หรือปรับไม่เกิน1แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ , 2.ฉ้อโกงหรือฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มีโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ, 3.นำบัตรประชาชนของผู้อื่นไปใช้แสดงว่าตนเป็นเจ้าของบัตรประชาชน มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึง หนึ่งแสนบาท
พ.ต.ท.วิชัย สุวรรณประเสริฐ ผู้บัญชาการสำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า นอกจากกรณีนี้ยังพบข้อมูลที่น่าเป็นห่วงว่าขณะนี้มีการหลอกลวงออนไลน์รูปแบบใหม่ โดยการสร้างเว็บไซต์หลอกลวงให้ซื้อสินค้าไอทีมือสองออนไลน์ในราคาถูกกว่าราคาท้องตลาด หรือจากผู้ผลิตประมาณร้อยละ 40-60 ซึ่งขณะนี้มีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความในท้องที่ต่างๆ แล้วเกือบ 100 ราย จึงขอให้ผู้เสียหายมาให้ข้อมูลเพื่อจะได้ดูภาพรวมรวบรวมและติดตามสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดต่อไป
นายอธิปัตย์ พลอยพรายแก้ว ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารความเสี่ยงและตรวจสอบทุจริต True Money ในฐานะบริษัทให้บริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ แนะนำประชาชนให้ระมัดระวังภัยจากสื่อสังคมออนไลน์ ที่สำคัญควรพึงระวังการลงข้อมูลส่วนบุคคลในสื่อสังคมออนไลน์ เช่นที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ รูปถ่ายบัตรประชาชน รวมถึงรูปถ่ายส่วนตัวของตนและบุคคลในครอบครัว เพราะคนร้ายอาจนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในการกระทำความผิด การตั้งรหัสผ่านสื่อสังคมออนไลน์ไม่ควรใช้รหัสผ่านที่คาดเดาได้ง่ายเช่นหมายเลขโทรศัพท์ วันเดือนปีเกิด รวมทั้งเมื่อพบเห็นเว็บไซต์รับสมัครงานหรือ เฟซบุ๊กให้ตรวจสอบว่าบริษัทดังกล่าวมีตัวตนจริงหรือไม่ รวมทั้งไม่รับจ้างเปิดบัญชีธนาคารให้บุคคลอื่นเพราะหากบัญชีนั้นถูกนำไปใช้ในการกระทำความผิดเจ้าของบัญชีจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทางบริษัทผู้ให้บริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งให้บริการไวไฟฟรีต่างๆ ได้มีการพัฒนารูปแบบให้มีความรัดกุมและปลอดภัยสำหรับผู้ใช้บริการให้มากที่สุด แต่ก็ยังมีช่องว่างให้กลุ่มมิจฉาชีพใช้หลอกลวงประชาชนได้ .-สำนักข่าวไทย