นักวิชาการ ห่วง เขื่อนขนาดกลาง และเล็กของไทย ซ้ำรอยลาว

ปทุมวัน 31ก.ค.–นักวิชาการห่วงเขื่อนขนาดกลางและเล็กทั่วประเทศที่อยู่ภายใต้การดูแลของ อบต.อาจไม่มีประสิทธิภาพ อาจเกิดเขื่อนเเตก อย่าง สปป.ลาว กรณีของเขื่อนเซเปียน คาดสาเหตุจากการทรุดตัวของเขื่อนและระบบเตือนภัยไม่ดีพอ ส่วนไทยได้รับผลกระทบด้านกระเเสไฟฟ้าน้อยมาก


จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดเวทีจุฬาฯ เสวนา ครั้งที่ 15 เรื่อง “เขื่อนแตก เรื่องของลาวกับเรื่องของเรา” เพื่อถอดบทเรียนเเละนำเสนอองค์ความรู้หลังเกิดกรณีเขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อยที่แขวงอัตตะปือ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างเเตก ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมหลายหมู่บ้าน มีผู้เสียชีวิตเเละผู้ประสบภัยเป็นจำนวนมาก ซึ่งทางการลาวคาดว่าสาเหตุที่ทำให้เขื่อนเเตกนั้นเกิดจากความบกพร่องระหว่างการก่อสร้าง


นายฐิรวัตร บุญญะฐี  ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิยาลัย กล่าวว่า เขื่อนเเบ่งออกเป็น 4 ประเภทได้แก่ เขื่อนคอนกรีตใช้น้ำหนักตัวเองต้านเเรงดันน้ำ ส่วนใหญ่เป็นพื้นหินเเข็งเช่น เขื่อนเเม่มาว ,เขื่อนคอนกรีตที่มีความหนาแน่น , เขื่อนคอนกรีตบาง เช่น เขื่อนภูมิพลและเขื่อนดิน  ซึ่งน้ำหนักเบากว่าคอนกรีต เช่น เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนเเก่งกระจาน โดยเเต่ละเขื่อนสร้างตามสภาพเเวดล้อมของพื้นที่นั้นๆ โดยเขื่อนในลาว ส่วนใหญ่เป็นรูปแบบเขื่อนดิน กรณีเขื่อนเซเปียน เซน้ำน้อยที่เเตก เมื่อมองสภาพเเวดล้อมพบว่าบริเวณดังกล่าวมี  2 เขื่อนใหญ่ คือเขื่อนเซเปียนเเละเขื่อนเซน้ำน้อย เเละมีเขื่อนเล็ก ซึ่งเป็นเขื่อนปิดช่องเขา 5 เขื่อน ซึ่งเขื่อนที่เเตกครั้งนี้เป็น 1ใน 5 เขื่อนเล็ก 


โดยสาเหตุที่เเตกเบื้องต้นคาดว่า มีการวางระบบระบายช่องทางน้ำล้นไม่ดีพอ ขณะที่เขื่อนไม่มีความเเข็งเเรงมากพอกับการรับน้ำหนักของน้ำอาจจะ ประมาทในการประเมินวัสดุที่นำมาสร้างเขื่อน เช่น ดินไม่มีความหนาเเน่น การบดอัดดินไม่เพียงพอ  ทำให้ดินยุบตัวระหว่างการเติมน้ำ ประเมินการไหลซึมผ่านตัวเขื่อนเเละใต้เขื่อนไม่ถูกต้องหรือออกเเบบไม่เหมาะสม การฉีดอัดน้ำปูนให้ชั้นดินไม่เพียงพอ ส่วนปัจจัยอื่นๆเช่นความไม่เเน่นอนของธรรมชาติ   

ขณะเดียวกันอาจมีระบบการจัดการความเสี่ยงที่ไม่ดีพอ เนื่องจากมีข้อมูลว่าบริษัทเกาหลี ซึ่งเป็นผู้ร่วมสร้างเขื่อนได้รายงานต่อสภาของเกาหลีว่าเขื่อนดังกล่าวอยู่ระหว่างการทดลองเติมน้ำ หลังสร้างเสร็จก่อนกำหนด 5 เดือนในเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยก่อนเขื่อนจะเเตก 4วัน  เกิดดินทรุดตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตั้งเเต่ขนาด 11เซนติเมตรจนกว้างขึ้นเป็น 1เมตร จากข้อมูลนี้จะเห็นได้ว่ามีการรู้ตัวก่อน เเต่มีการเเจ้งเตือนเพียง 1 วันก่อนที่เขื่อนจะ เเตกเท่านั้น

ด้านนายอนุรักษ์ ศรีอริยวัฒน์  หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมแหล่งน้ำ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า หลายฝ่ายอาจจะมองว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดเขื่อนเเตกนั้น คือการเปลี่ยนเเปลงสภาพอากาศโลก เเต่ตนมองว่าหากเป็นสาเหตุดังกล่าวจะทำให้หลายเขื่อนเเตกไปแล้ว สาเหตุหลักที่ทำให้เขื่อนเล็กเเตกในครั้งนี้เกิดจากน้ำล้นตัวสันเขื่อน ตัวเขื่อนทรุดตัวลง

เนื่องจากฐานรากไม่ดีเเละเกิดการสไลด์ตัวของชั้นดิน ส่วนข้อมูลที่มีความผิดพลาดว่าจากเขื่อนเเตก ทำให้มีน้ำบ่าลงมา 5,000 ล้านลูกบาศก์เมตร เเต่ความจริงเขื่อนมีความจุเก็บกักได้เเค่ 1,000 ล้านลูกบาศก์เมตร  จึงคาดว่าน่าจะเป็นน้ำป่าประมาณ 500 ล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้น

ขณะที่หากเทียบเขื่อนเซเปียนเซน้ำน้อยในไทยถือเป็นเขื่อนขนาดใหญ่ ซึ่งในไทยมีเขื่อนขนาดใหญ่ประมาณ 34 เขื่อน ซึ่งจากเหตุการณ์ในครั้งนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูเเลเขื่อนทั้งหมดมากขึ้น ซึ่งตนมองว่าหากจะเกิดเขื่อนเเตกในไทย ความกังวลน่าจะเป็นเขื่อนขนาดกลางเเละขนาดเล็กที่มีกว่า 800 เขื่อนและ8,000 เขื่อนตามลำดับเพราะมองว่ามีการดูเเลน้อย ที่ผ่านมามีการรายงานพบการรั่วซึมของน้ำมากกว่าปกติ ขณะเดียวกันเขื่อนขนาดเล็กซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)จากการโอนย้ายของกรมชลประทาน จนตั้งข้อสังเกตว่า อบต.จะมีศักยภาพการดูเเลเขื่อนได้หรือไม่หากเขื่อนเเตกขึ้นมา 

ขณะที่หลังเกิดเหตุการณ์นี้หลายคนอาจให้หยุดสร้างเขื่อนเพื่อตัดต้นตอปัญหา เเต่ตนมองว่า อาจหยุดไม่ได้ เพราะเขื่อนในไทยส่วนใหญ่สร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์กักน้ำไว้ใช้ในช่วงน้ำเเล้ง ส่วนเรื่องป้องกันน้ำท่วมได้เเค่ร้อยละ 10 เท่านั้น เเต่ถึงอย่างไรก็ต้องรองรับสถานการณ์ในอนาคตที่เปลี่ยนเเปลงไป สุดท้ายบทเรียนจากเหตุการณ์นี้ ฝากสำนักงานทรัพยากรน้ำเเห่งชาติ(สทนช.)เเละหน่วยงานภาครัฐว่าควรมีข้อมูลระยะยาว คาดการณ์สภาพอากาศใน 30 ปีข้างหน้าครอบคลุมทั้งประเทศเเละเผยเเพร่ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง เพราะที่ผ่านมาหาข้อมูลได้ยากมาก

ส่วนนายกุลยศ อุดมวงศ์เสรี ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพลังงาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า เหตุการณ์เขื่อนเซเปียนเซน้ำน้อยเเตกในลาว ส่งผลกระทบด้านพลังงานของไทยน้อยมาก ที่เดิมทีจะผลิตกำลัง ไฟฟ้ากว่า 3,931 เมกะวัตต์เเละส่งให้ไทยในเดือนก.พ.ปี 2562 เนื่องจากไทยมีการนำเข้ากระเเสไฟฟ้าจากลาว โดยรวมทั้งหมดไม่มากประมาณ 4,000 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ไทยยังมีสัดส่วนการสำรองไฟฟ้าสูงจากอีกหลายประเทศ เเต่หากสถานการณ์จะน่าห่วงคงเป็นหลังปี 2567 เนื่องจากช่วงนั้นมีหลายประเทศมีเเผนสร้างโรงงานไฟฟ้าน้อยมาก.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พระขโมยรถยนต์โยมวันเข้าพรรษา

กาฬสินธุ์ 12 ก.ค.-วงการผ้าเหลืองไม่แผ่ว พระหนุ่มขโมยรถยนต์ญาติโยมที่มาทำบุญวันเข้าพรรษา ถูกตำรวจสกัดจับได้ทันควัน ตำรวจ สภ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ สกัดจับรถเก๋งสีดำคันบริเวณสี่แยกไฟแดง อ.สมเด็จ หลังรับแจ้งว่าพระสงฆ์หนุ่มแอบขโมยรถจากญาติโยมที่มาทำบุญในวันเข้าพรรษา แล้วขับหนีมาทาง อำเภอสมเด็จ ตำรวจจึงออกสกัดจับจนเจอ ส่วนพระสงฆ์ที่ก่อเหตุมีอาการพูดจาวกไปวนมา ตำรวจจึงนำตัวมาสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก และแจ้งให้เจ้าของรถมารับรถคืน เตรียมดำเนินคดีกับพระรูปนี้ต่อไป หลังสึกจากการเป็นพระ.-สำนักข่าวไทย

น้ำป่าทะลักท่วมแพร่ บ้านเรือนเสียหายหนัก

แพร่ 12 ก.ค.-ฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ จ.แพร่ น้ำป่าทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรช่วงกลางดึก เสียหาย 2 อำเภอ เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมพื้นที่ชุมชนในตำบลแดนชุมพล จังหวัดแพร่ และอำเภอร้องกวางบางส่วน เนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างหนักในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้บ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหายในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ลุ่มและแนวทางน้ำธรรมชาติที่รับน้ำจากภูเขาและป่าใกล้เคียง ปริมาณน้ำที่หลากเข้ามาเกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดช่วงคืนที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านไม่ทันตั้งตัว ทรัพย์สินของประชาชนบางส่วนได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะบ้านโทกค่า อำเภอสอง จังหวัดแพร่ หลายหลังคาเรือนได้รับผลกระทบเนื่องจาก ไม่เคยเกิดเหตุแบบนี้มาก่อน ปีนี้น้ำมากกว่าทุกปี ทำให้เก็บข้าวของไม่ทัน ได้รับความเสียหาย ครั้งสุดท้ายที่เคยท่วม ตั้งแต่ปี 2538 .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ปมมีชื่อพระโผล่คลิปสีกา ก.

กรุงเทพฯ 11 ก.ค. – เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ เผยกรณีปรากฏชื่อ “พระปริยัติธาดา” ในคลิปพัวพันสีกา ก. มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร จากกรณีปรากฏรายชื่อพระในคลิปมีความสัมพันธ์กับ “สีกา ก.” จนถึงขั้นปาราชิก หนึ่งในนั้นคือ พระปริยัติธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และมีรายงานข่าวว่าท่านหายตัวจากวัดหลังจากตกเป็นข่าว ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังวัดกัลยาณมิตรฯ พบว่าพระของวัดทุกรูปลงโบสถ์เพื่อประกอบศาสนกิจเนื่องในวันเข้าพรรษา ภายในพระอุโบสถ ภายหลังประกอบศาสนกิจลงโบสถ์ของพระวัดกัลยาณมิตรฯ เสร็จสิ้น พระพรหมกวี เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ ได้ถ่ายรูปกับพระใหม่และพระสงฆ์ในวัด และให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปถ่ายภาพ พร้อมกับพูดคุยเบื้องต้น กรณีปรากฏชื่อของพระปริยัติธาดา เป็นหนึ่งในบุคคลในคลิปที่เกี่ยวข้องกับสีกา ก. ว่าส่วนตัวไม่ทราบ คนเราไม่ได้รู้เรื่องส่วนตัวของคนอื่น มองเป็นเรื่องธรรมชาติในสังคมที่มีทั้งคนดีและไม่ดี เรื่องนี้เป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร และอยากถาม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว เพื่อขอดูคลิปที่กล่าวอ้าง ถ้าภาพมันชัดเจนก็ต้องออกตามกฎ ซึ่งใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น เมื่อถามว่า พระปริยัติธาดา ออกไปจากวัดตั้งแต่เมื่อไร พระพรหมกวี บอกว่า ท่านออกไปจากวัด 6-7 วันแล้ว ก็ออกไปเฉยๆ ไม่ได้สึกออกไป และไม่รู้ว่าตอนนี้สึกหรือยัง แต่หากจะสึกต้องแจ้งมาที่วัด […]

ข่าวแนะนำ

ตาวัย 71 ปี ขับรถพุ่งชนรถพ่วงเสียชีวิต

สมุทรสงคราม 13 ก.ค.-ตาวัย 71 ปี ขับเก๋งพุ่งชนกลางลำรถพ่วงบรรทุกเสาเข็มขณะกำลังกลับรถ เสียชีวิตบนถนนสมุทรสงครามบางแพ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม กล้องวงจรปิดบันทึกภาพเหตุการณ์ขณะรถพ่วงบรรทุกเสาเข็มกำลังกลับรถทำให้ตัวรถขวางถนน จังหวะนั้นรถเก๋ง ขับมาด้วยความเร็ว พุ่งชนเข้ากลางลำรถพ่วง เหตุเกิดบนถนนสมุทรสงครามบางแพ บริเวณจุดกลับรถหน้าโรงบรรจุแก๊สหุงต้ม ฝั่งขาเข้าแม่กลอง ม.9 ต.บางช้าง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ช่วงเวลา 19.18 น.วานนี้ (12 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อัมพวา รับแจ้ง จึงเข้าตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัย ที่เกิดเหตุพบนายชาญพินิต ส่งชัย อายุ 71 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร คาดเข็มขัดนิรภัย นั่งหมดสติไม่รู้สึกตัวบนเบาะคนขับ เจ้าหน้าที่ต้องใช้อุปกรณ์ตัดถ่างประมาณ 5 นาที กว่าจะนำร่างนายชาญพินิต ออกมาและพยายามปั๊มหัวใจช่วยชีวิต แต่นายชาญพินิต เสียชีวิตแล้ว ใกล้กันพบรถพ่วง 22 ล้อ ลูกพ่วงไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จอดขวางถนนในลักษณะกำลังกลับรถ บริเวณล้อหลังรถพ่วงมี 3 เพลา รวม 12 ล้อ […]

เตรียมขอข้อมูลเส้นทางการเงิน 4 วัดดัง

13 ก.ค. – ตำรวจเตรียมขอข้อมูลเส้นทางการเงิน 4 วัดดัง เข้าข่ายยักยอกเงินวัด โอนให้สีกา ก. หรือไม่ พบเจ้าอาวาสหนึ่งใน 4 วัด โอนกว่า 1 ล้านบาท ความคืบหน้าการตรวจสอบเส้นทางการเงินของสีกา ก. จากข้อมูลการสืบสวน ตำรวจเตรียมขอความร่วมมือเข้าตรวจสอบวัดที่พบว่ามีความเกี่ยวข้อง 4 วัด ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ได้แก่ วัดชูจิตธรรมาราม พระอารามหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา, วัดใหญ่จอมปราสาท จ.สมุทรสาคร, วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร กรุงเทพมหานคร ขอตรวจสอบเส้นทางการเงินของพระชั้นผู้ใหญ่และบัญชีวัด เพื่อหาข้อเท็จจริงว่าเงินที่โอนให้สีกา ก. เป็นเงินส่วนตัวหรือเงินวัด หลังพบว่าพระบางรูปที่มีความสัมพันธ์กับสีกา ก. รวบอำนาจการบริหารจัดการเงินของวัดเพื่อให้ทำธุรกรรมได้สะดวก โดยเฉพาะเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท พบเส้นทางการเงินโอนให้สีกา ก. 2 บัญชี เป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท ส่วนพระรูปอื่นๆ ที่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ ส่วนสีกา ก. จะมีเจตนาในการข่มขู่รีดไถเงินจากพระหรือไม่ ทางการสอบสวนยังไม่พบหลักฐานชัดเจนเพราะเป็นรสนิยมส่วนตัว โดยพุ่งเป้าเข้าหาพระชั้นผู้ใหญ่ เพื่อมีความสัมพันธ์และนำเงินมาใช้ส่วนตัว […]

รัฐผ่อนปรนรถบัสสองชั้น 6 เส้นทางเสี่ยง เริ่ม 21 ก.ค.นี้

ทำเนียบ 13 ก.ค.-รัฐผ่อนปรนรถบัสสองชั้น 6 เส้นทางเสี่ยง เริ่ม 21 ก.ค.นี้ พร้อมคุมเข้มมาตรฐานความปลอดภัยทุกขั้นตอน เพื่อความปลอดภัยของประชาชน นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า รัฐบาลโดยกรมขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ได้มีการผ่อนปรนให้รถโดยสารสองชั้นสามารถวิ่งใน 6 เส้นทางได้เป็นการชั่วคราว เป็นระยะเวลา 180 วัน โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป ดังนี้ 1.ทางหลวงหมายเลข 4 ช่วงเขาพับผ้า-พัทลุง 2.ทางหลวงหมายเลข 103 ช่วงแม่ยางฮ่อ-แม่ตีบ 3.ทางหลวงหมายเลข 118 ช่วงเชียงใหม่-ดอยนางแก้ว 4.ทางหลวงหมายเลข 2013 ช่วงบ่อโพธิ์-โคกงาม 5.ทางหลวงหมายเลข 2331 ช่วงโจ๊ะโหวะ-อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า และ 6.ทางหลวงหมายเลข 1256 ช่วงปัว- อุทยานแห่งชาติดอยภูคา โดยผู้ประกอบการที่ประสงค์จะเดินรถโดยสารสองชั้น ในเส้นทางผ่อนปรนดังกล่าว จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขอย่างเคร่งครัด ดังนี้ 1.นำรถเข้ารับการตรวจสภาพ (Recall) ณ […]

เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

กทม. 13 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะภาคเหนือ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 6 เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทยและคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันตอนบน (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 12-13 กรกฎาคม 2568) ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2568 ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งโดยเฉพาะภาคเหนือบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคเหนือตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้ จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก มีดังนี้ ในวันที่ 13 กรกฎาคม […]