กรุงเทพฯ 21 ก.ย.-ผอ.รพ.มงกุฏวัฒนะ เชิญพญ.คุณหญิงพรทิพย์-คกก.สอบฯ การเสียชีวิต ‘ธวัชชัย อนุกูล ดูภาพวงจรปิดความยาวกว่า 5ชั่วโมง ยันกระดูกและตับไม่แตกที่ รพ.
พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฏวัฒนะ โพสต์เฟสบุคถึง พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ และคณะกรรมการสอบสวนการเสียชีวิตของนายธวัชชัย อนุกุล โดยระบุว่า รพ.มงกุฎวัฒนะ ได้บันทึกภาพวงจรปิดตั้งแต่เวลา 02.31-07.51 น.ของวันที่ 30 ส.ค.2559 ความยาวกว่า 5 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งเป็นภาพเคลื่อนไหว ไม่มีการตัดต่อ เป็นภาพเหตุการณ์จริง ในการช่วยชีวิตนายธวัชชัย ณ หน่วยอภิบาลผู้ป่วยวิกฤต(CCU) ตั้งแต่เริ่มรับตัวนายธวัชชัย (หลังจากที่ได้เอ็กซเรย์เมื่อเวลา 02.20 น.โดยพบว่าไม่มีซี่โครงหัก) จนถึงเวลา 07.51 ที่ได้เคลื่อนย้ายศพออกจากเตียง ลำดับเหตุการณ์ดังนี้
เวลา 02.31 น. เจ้าหน้าที่พยาบาลกำลังเตรียมเตียงหมายเลข 5 เพื่อการรับตัวนายธวัชชัย
เวลา 02.51 น. ถูกลำเลียงมาถึงเตียงหมายเลข 5 (หลังจากที่ได้เอ็กซเรย์เมื่อเวลา 02.20 น.แล้วโดยพบว่าไม่มีซี่โครงหัก)
เวลา 03.20 น. ขณะทำการฟื้นคืนชีพ (CPR) หรือปั๊มหัวใจครั้งที่ 1 เป็นเวลา 30 วินาที
เวลา 03.27-03.29 น. ขณะทำการฟื้นคืนชีพ (CPR) หรือปั๊มหัวใจครั้งที่ 2 เป็นเวลา 2 นาที
เวลา 03.39-03.41 น. ขณะทำการฟื้นคืนชีพ (CPR) หรือปั๊มหัวใจครั้งที่ 3 เป็นเวลา 2 นาที
เวลา 05.01 น. ขณะน้องชายของนายธวัชชัยมาอำลาศพ
เวลา 05.27 น. ขณะญาติผู้หญิง 2 คนของนายธวัชชัย มาอำลาศพ
เวลา 07.43-07.49 น. ขณะเจ้าหน้าที่พยาบาลปลดเครื่องมือแพทย์ต่างๆออกจากร่างกาย
เวลา 07.51 น. ย้ายศพออกจากเตียงหมายเลข 5 เพื่อส่งศพไปยังสถาบันนิติเวช
พล.ต.นพ.เหรียญทอง ระบุว่าไม่สามารถเผยแพร่ภาพเหตุการณ์จริงต่อสาธารณะหรือสื่อได้เพราะจะเป็นการละเมิดสิทธิผู้เสียชีวิตแต่ตนต้องการให้ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ รวมถึงคณะกรรมการฯและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุกคนศึกษาเหตุการณ์จริงว่า หลังเวลา 02.20น.ที่เอ็กซเรย์ไม่พบว่า มีซี่โครงหักนั้นรพ.มงกุฎวัฒนะ ได้ช่วยชีวิตอย่างไร โดยเฉพาะประเด็นตับแตก หากพิจารณาจากวงจรปิดแล้วจะเห็นได้ว่าการปั๊มหัวใจเกิดขึ้นเพียง 3 ครั้ง และตลอดเวลาที่อยู่ในหน่วยอภิบาลผู้ป่วยวิกฤตไม่มีเหตุการณ์ใด ที่แสดงให้เห็นถึงภยันตรายที่จะเกิดขึ้นต่อตับของนายธวัชชัย ดังนั้นหากเป็นไปได้ตนขอเชิญพญ.คุณหญิงพรทิพย์ คณะกรรมการฯและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาดูบันทึกภาพวงจรปิดความยาวกว่า 5 ชั่วโมงครึ่ง พร้อมกับสอบสวนบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความกระจ่าง .-สำนักข่าวไทย