สำนักข่าวไทย17ก.ค.-รมว.ศึกษาฯ แจงกรณีครูประกาศปฏิญญาสารคาม พักหนี้โครงการ ช.พ.ค.โดยหลักการคนเป็นหนี้เบี้ยวหนี้ไม่ได้ ย้ำไม่กระทบโครงการความร่วมมือกับ ธ.ออมสิน เมื่อเดือน พ.ค.เพื่อลดดอกเบี้ยหนี้ครูกว่าร้อยละ0.5-1กับครูที่มีวินัยดี ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 90 ของครูที่เป็นหนี้ทั้งหมด
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยถึงกรณีที่กลุ่มครูกลุ่มหนึ่งประกาศปฏิญญามหาสารคาม ขอให้รัฐบาลและธนาคารออมสินพักหนี้โครงการสวัสดิการเงินกู้การฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา(ช.พ.ค.) ทุกโครงการ ตั้งแต่วันที่ 1ต.ค.2561 และประกาศว่าลูกหนี้ ช.พ.ค.จำนวน 4.5 แสนคน จะดำเนินการยุติการชำระหนี้กับธนาคารออมสินตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.2561 เป็นต้นไป ทำให้เกิดกระแสวิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม ว่า ตนยังไม่ทราบรายละเอียด แต่โดยหลักการคนเป็นลูกหนี้จะประกาศว่า ไม่ใช้หนี้คงไม่ได้ และต้องไปถามทางธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ว่า ทำได้หรือไม่
ส่วนถ้าครูไม่ใช้หนี้ แล้วจะถือว่าผิดจรรยาบรรณครูหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ต้องไปถามสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา แต่ตนเชื่อว่าไม่มีใครทำตาม เพียงเพราะคนกลุ่มหนึ่งประกาศแน่นอนและเชื่อว่าการประกาศครั้งนี้ไม่กระทบกับการลงนามข้อตกลงความร่วมมือแก้ไขปัญหาหนี้สินครูกับธนาคารออมสินเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา เพราะหลังมีผลในช่วงเดือนมิ.ย.ครูก็พึงพอใจ
สำหรับเงินสวัสดิการเงินกู้การฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.)ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ซึ่งมีถึง 7 โครงการ ที่ให้สมาชิก ช.พ.ค. ทั้งที่ยังรับราชการอยู่และเกษียณอายุราชการแล้วยื่นกู้ได้
ปัจจุบันมีผู้กู้โครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค.1-7 จำนวน 484,435 บัญชี เป็นเงิน 418,937.94 ล้านบาทโดยโครงการแรกทำร่วมกับธนาคารกรุงไทย ส่วนโครงการ 2-7 ทำร่วมกับธนาคารออมสิน พบปัญหาหนี้เสีย ค้างชำระเกิน 3งวดจำนวนมาก จนทำให้เมื่อวันที่ 7พ.ค.ที่ผ่านมากระทรวงศึกษาฯ ร่วมกับธนาคารออมสิน ลงนามบันทึกข้อตกลงแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนของเงินกู้โครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค. 2-7 และโครงการสวัสดิการเงินกู้การฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษาในกรณีคู่สมรสถึงแก่กรรม (ช.พ.ส.)
มีสาระสำคัญคือมีการปรับเงื่อนไขเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินครู จากเดิมที่ธนาคารออมสินจ่ายเงินสนับสนุน สกสค.ตามอัตราและระยะเวลาที่กำหนด เพื่อพัฒนากองทุนและชำระหนี้แทนผู้ค้างชำระ เปลี่ยนเป็นให้เงินคืนแก่สมาชิกที่มีการชำระเงินดี โดยจะมีผลทันทีกับกลุ่มลูกหนี้กว่าร้อยละ 90 ที่เป็นลูกหนี้ดี ที่จะได้รับเงินคืนร้อยละ 0.5 ถึง 1 ตั้งเเต่เดือนมิ.ย.2561 ซึ่งในโครงการนี้มีครูร่วมโครงการประมาณ 4 แสนคน มีหนี้รวมประมาณ 4 แสนล้านบาท โดยมีร้อยละ 90 ที่ชำระหนี้ตามกำหนด ซึ่งโครงการนี้เป็นประโยชน์ต่อครูที่มีวินัยทางการเงิน และเพื่อไม่ให้ครูเสียประโยชน์จากครูที่ไม่ชำระหนี้
ทั้งนี้ การลงนามบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้ มี 2 แนวทางให้ครูเลือกได้แก่ แนวทางแรก ครูชำระหนี้รายเดือนเท่าเดิม แต่นำดอกเบี้ยที่ได้รับคืนไปปรับลดเงินต้น ก็จะทำให้สามารถชำระหนี้ได้เร็วขึ้น ซึ่งจะเกิดขึ้นทันทีตามข้อตกลง และแนวทางที่2เฉพาะครูที่ต้องการลดงวดการชำระหนี้รายเดือนลง แต่คงระยะเวลาการชำระหนี้เดิม สามารถไปติดต่อธนาคารออมสินสาขาที่ใช้อยู่ ขอปรับปรุงเงื่อนไขการผ่อนชำระตามอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง เช่น ครูมีหนี้ 1 ล้านบาทใน1 ปีได้ลดดอกเบี้ยร้อยละ 1 เท่ากับลดไป 1 หมื่นบาท เป็นต้น
อย่างไรก็ตามกลุ่มครูที่ไม่ชำระหนี้ตรงเวลา ซึ่งจะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตรงนี้ หากเข้ามาปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคาร ก็สามารถเข้าร่วมได้เช่นกัน โดยตอนนี้ มีลูกหนี้เข้ามาร่วมแล้วประมาณร้อยละ80ของกลุ่มครูที่ไม่ชำระตรงเวลาและยังเหลือครูที่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล อยู่เพียงร้อยละ 2-3 เท่านั้น
ทั้งนี้ สำหรับยอดรวมจำนวนเงินจากการลงนามครั้งนี้ เป็นเงินกว่า 2,000 ล้านบาทต่อปี เท่ากับว่าครูจะได้รับประโยชน์โดยตรงเกือบ 4 แสนคน จากที่ต้องเสียดอกเบี้ยอัตราเดิมร้อยละ 5-6 ก็จะลดลงไปอีก.-สำนักข่าวไทย