กรมสุขภาพจิต 16 ก.ค.-กรมสุขภาพจิต ออกข้อชี้แนะผู้ปกครอง-สื่อ-คนรอบข้าง ร่วมฟื้นฟูสภาพจิตใจเยาวชนทีมหมูป่าอะคาเดมีและโค้ช หลังออกจาก รพ.เน้นให้เวลา พื้นที่ส่วนตัว การออกรายการต่างๆ ไม่เกิดผลดี ขณะที่การสัมภาษณ์ควรคำนึงถึงประเด็นการละเมิดสิทธิเด็ก โดยเฉพาะการถาม สร้างเรื่องราวให้เหมือนละคร ยิ่งทำให้เกิดผลลบทางจิตใจ
น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมการดูแลจิตใจของทีมฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมีและโค้ช หลังจากออกจาก รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ ไปพักฟื้นที่บ้าน ว่า กรมสุขภาพจิตมีความเป็นห่วงในช่วงนี้ ซึ่งอยู่ในระยะการฟื้นฟูสภาพจิตใจและสังคมให้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติให้เร็วที่สุด
ประเด็นสำคัญ คือการป้องกันผลกระทบทางจิตใจของเด็กและโค้ชระลอกสอง หลังจากผ่านพ้นการเผชิญวิกฤติความเครียดแล้ว จึงจัดทำคำแนะนำข้อควรระมัดระวังในการถามเด็กและข้อเสนอแนะในเชิงจิตวิทยา ซึ่งสอด คล้องกับหลักสากล 2 ประการ เพื่อให้ทุกฝ่าย ทั้งผู้ปกครอง สื่อมวลชนต่างๆ และคนรอบข้าง ใช้ปฏิบัติเป็นแนวเดียวกัน โดยคำนึงถึงสิทธิของเด็ก ความปลอดภัย และความพร้อม ดังนี้
1.หลังจากเด็กๆ และโค้ชฟื้นตัวจากการฟื้นฟูทางร่างกาย ควรจะปฏิบัติต่อทุกคนเทียบเท่ากับเป็นผู้ประสบภัย ซึ่งตามแนวทางการดูแลและคุ้มครองเด็กที่เป็นผู้ประสบภัยขององค์การอนามัยโลกและองค์การยูนิเซฟ เน้นว่าทุกคนมีหน้าที่ในการช่วยกันคุ้มครองสิทธิและคำนึงถึงความปลอดภัยทั้งทางกายและจิตใจของเด็กเป็นสูงสุดในช่วงเวลาการฟื้นฟูหลังเหตุการณ์ โดยเน้นการให้เวลา ให้พื้นที่ความเป็นส่วนตัวเพื่อให้เด็กกลับเข้าสู่สภาวะการใช้ชีวิตตามปกติให้เร็วที่สุด จะช่วยให้เกิดกระบวนการฟื้นฟูทางจิตใจและสังคมของเด็กที่ดีที่สุด การนำเด็กๆ และโค้ชมาออกรายการต่างๆ อาจกลายเป็นผลลบที่ส่งผลกระทบต่อเด็กๆ ได้ในหลายรูปแบบ
2.การสัมภาษณ์หรือออกข่าวเด็กๆ และโค้ช ควรคำนึงถึงความพร้อมเด็กเป็นสำคัญ สื่อและคนรอบข้าง ควรคำนึงถึงประเด็นเรื่องการละเมิดสิทธิเด็ก โดยเฉพาะการถามเพื่อสร้างเรื่องราวให้ดูเหมือนเป็นละคร จะยิ่งทำให้เกิดผลกระทบทางจิตใจเชิงลบได้ เช่นการทำให้รู้สึกผิดเกินจริง การถูกเป็นเป้าสายตาในช่วงระยะหนึ่งและหายไปเมื่อกระแสข่าวซาลง ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิเด็กในรูปแบบหนึ่ง
ด้าน พญ.รัชนี ฉลองเกื้อกูล ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กทม.กล่าวว่า การสัมภาษณ์เด็กควรมีน้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อให้เด็กกลับไปใช้ชีวิตปกติของตนเองให้เร็วที่สุด ลักษณะคำถามที่ควรใช้ คือคำถามปลายเปิดและเป็นเชิงบวก ให้เด็กๆ ได้เล่าเรื่องราวเอง ตามความพร้อมแต่ละบุคคล ให้เด็กได้ทบทวนและรู้สึกถึงความภาคภูมิใจในความสามารถที่เด็กใช้ดูแลตัวเองและทีม ความเข้าใจต่อการช่วยเหลือของผู้ใหญ่ใจดีทั้งคนไทยและต่างชาติ
ข้อที่พึงระมัดระวังและหลีกเลี่ยงคือการใช้คำถามชี้นำ การรุกเร้าจี้ถามซ้ำๆ เหมือนถามผู้ต้องหา คำถามเชิงตำหนิเรียกร้องความรับผิดชอบ เรียกร้องให้สัญญาในสิ่งที่เด็กไม่พร้อมทำ หรือทำไม่ได้ เพราะจะยิ่งทำให้เด็กรำลึกถึงเหตุการณ์ที่หวาดกลัวขณะอยู่ในถ้ำ เกิดความรู้สึกผิดที่เกินกว่าความเป็นจริง ซึ่งอาจส่งผลต่อการพัฒนาการบุคลิกภาพของเด็ก การนำเสนอข่าวอย่างสร้างสรรค์ เช่น ถอดบทเรียนการเอาตัวรอดจากเหตุภัยพิบัติ การวิเคราะห์ทักษะชีวิตที่จำเป็นสำหรับเด็ก มีประโยชน์มากกว่าการเสนอข่าวที่มุ่งเน้นการสร้างกระแสข่าว ตีความเอง หรือดราม่า เพราะอาจเป็นการทำร้ายจิตใจของเด็กนักฟุตบอลหมูป่าโค้ช และครอบครัวซ้ำ และอาจทำให้ประชาชนที่ติดตามข่าวผูกโยงเหตุการณ์ชีวิตตนเองกับเหตุการณ์ภัยพิบัติจนส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของประชาชนได้ .-สำนักข่าวไทย