กรุงเทพฯ 15 ก.ค. – ก.เกษตรฯ เสนอแผนการผลิตภาคเกษตรประเทศ พร้อมแนวทางพัฒนาอาชีพและช่วยเหลือเกษตรกรให้รองนายกรัฐมนตรีพิจารณา 16 ก.ค.นี้ คาดประกาศใช้ 3 เดือนข้างหน้า
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า วันที่ 16 กรกฎาคมนี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะมาตรวจเยี่ยมและหารือข้อราชการโดยมีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) ร่วมด้วย
นายกฤษฎา กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯ จะรายงานแผนการผลิตภาคการเกษตรของประเทศและประกาศใช้ใน 3 เดือนข้างหน้า ซึ่งมีแนวทางจะประกาศเขตเกษตรเศรษฐกิจ โดยกำหนดว่าควรปลูกพืชหรือทำปศุสัตว์ใดในปริมาณพื้นที่เท่าไร อีกทั้งให้ทำกิจกรรมทางการเกษตรในพื้นที่ที่เหมาะสม (Agri-map) กำหนดแผนการผลิตเกษตรกรรมอะไรบ้าง มีมาตรการอย่างไรที่จะทำให้เกษตรกรทำการผลิตไม่ให้ผลผลิตล้นตลาด จะใช้งบประมาณเท่าไหร่ โดยจะเสนอให้รองนายกรัฐมนตรีพิจารณา 2 แนวทาง คือ ประกาศเต็มพื้นที่ทั้งประเทศหรือทำเฉพาะทดลองในพืชเศรษฐกิจหลัก 3 ชนิด ได้แก่ ข้าว ข้าวโพด และมันสำปะหลังในพื้นที่เขตชลประทานภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคอีสาน รวมทั้งพื้นที่ที่สหกรณ์การเกษตรมีความเข้มแข็ง
นายกฤษฎา กล่าวว่า เบื้องต้นข้าวมีแผนปฏิบัติงานภายใต้แผนการผลิตและตลาดข้าวครบวงจร โดยจะลดการทำนาครั้งที่ 2 และ 3 หรือการทำนาปรัง 2-3 ล้านไร่ ให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนมาปลูกข้าวโพดและมันสำปะหลัง ส่วนข้าวโพดที่ผ่านมามีมาตรการจูงใจให้ชาวนาปรับเปลี่ยนไปปลูกข้าวโพด โดยรัฐสนับสนุนไร่ละ 2,000 บาท แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ล่าสุดได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยในฤดูนาปรัง 2561 จะลดการปลูกข้าวจากปกติมีพื้นที่ปลูก 12 ล้านไร่ให้เหลือเพียงครึ่งเดียว ที่เหลือจะส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งความต้องการใช้ในประเทศมีมากถึง 3.5 ล้านตันต่อปี แต่ผลผลิตยังไม่เพียงพอต้องนำเข้า สำหรับมันสำปะหลังมันได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงเกษตรฯ หารือกับปลัดกระทรวงพาณิชย์สำรวจความต้องการใช้ทั้งในประเทศและต่างประเทศแล้วจึงมาวางแผนการผลิต
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ กล่าวว่า ประการสำคัญต้องมีมาตรการสร้างความมั่นใจให้เกษตรกรที่ผลิตตามแผนการผลิตภาคเกษตรของประเทศว่าจะมีรายได้มากขึ้น ไม่ประสบปัญหาขาดทุนอย่างที่ผ่านมา ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีกำชับให้ทำอย่างรวดเร็วที่สุด ให้ทันฤดูกาลผลิตหน้า หลังเก็บเกี่ยวข้าวนาปีแล้ว นอกจากนี้ จะมีการหารือแนวทางพัฒนาอาชีพและช่วยเหลือเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการพักหนี้ 3 ปี เพื่อทำให้อาชีพเกษตรกรซึ่งเป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงสูงทั้งภัยธรรมชาติ โรค และแมลงระบาด รวมถึงขายได้ราคาต่ำกว่าต้นทุนเปลี่ยนเป็นอาชีพที่มีมาตรการต่าง ๆ เหมือนมีสวัสดิการรองรับและมีความมั่นคง.-สำนักข่าวไทย