ออสเตรเลีย 14 ก.ค.61- หมอริชาร์ด แฮร์ริส ที่ร่วมปฏิบัติการกู้ชีวิตทีมหมูป่า ผู้สูญเสียบิดาในช่วงที่หมอกำลังช่วยทีมหมูป่าอยู่ในถ้ำ ได้โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก Richard Harris ไว้ค่อนข้างยาว เล่ารายละเอียดบางอย่างระหว่างปฏิบัติการไว้อย่างน่าสนใจ พยายามจะให้เครดิตแก่ทุกฝ่ายที่ต่างมีส่วนทำให้ปฏิบัติการช่วยเหลือประสบความสำเร็จ
“ผมกำลังนั่งอยู่ด้านหลังของเครื่องบินขนส่งทหารขนาดใหญ่ ซี17 ของกองทัพอากาศออสเตรเลียซึ่งกำลังบินกลับออสเตรเลีย โดยมีเพื่อนร่วมทางคือ เครก (Craig) และสมาชิกคนอื่นๆ จากกรมการค้าต่างประเทศและการค้า สำนักงานตำรวจ และกองทัพออสเตรเลีย
ตอนนี้ผมรู้สึกว่ามันเป็นโอกาสแรกที่ได้หยุดอยู่นิ่งๆ จริงๆ เพื่อนึกย้อนสะท้อนภาพเหตุการณ์ที่ไม่ธรรมดาไม่น่าเชื่อเมื่อ 8 วันที่ผ่านมา ตั้งแต่เครกกับผมถูกส่งเป็นทีมเล็กๆ จากออสเตรเลียเพื่อร่วมปฏิบัติการช่วยเหลือเด็กติดถ้ำที่เชียงราย ภาคเหนือของประเทศไทย
ตอนที่เราสองคนเดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุ นักดำถ้ำจากออสเตรเลียเช่น เบน เรย์เมแนนต์ส (Ben Reymenants) และ 4 ยอดนักดำถ้ำจากสหราชอาณาจักร คือ จอห์น โวลันเธน (John Volanthen) ริค สแตนตัน (Rick Stanton) เจสัน มัลลินสัน (Jason Mallinson) และ คริส เจเวลล์ (Chris Jewell) ได้ดำมุดลึกเข้าไปในถ้ำเพื่อนำเชือกขนาดใหญ่ไปขึงวางไว้ก่อนหน้าเพื่อให้กรุยทางให้คนที่ดำน้ำถ้ำตามมาทีหลังตามไปได้ถูกทางและเป็นไปอย่างปลอดภัย ความพยายามและทักษะของบุคคลเหล่านี้ในการเปิดเส้นทางล่วงหน้าไม่สามารถประเมินค่าต่ำหรือมองข้ามความสำคัญไปได้เลย เพราะการดำไปทีหลังตามเส้นทางที่คนอื่นได้เจอและมาร์คไว้แล้วมันง่ายกว่าการมุดดำคลำหาทางด้วยตัวเอง
ริค กับ จอห์น ไม่เพียงแต่ได้พบเด็กและโค้ชว่าทั้งหมดยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น แต่ยังสื่อสารความหนักเบาของสถานการณ์ให้โลกภายนอกได้รับรู้และนำไปสู่การลงมือปฏิบัติการกู้ชีวิตได้อย่างจริงจังและทันการณ์ จากนั้นนักดำถ้ำชาวบริติชทั้ง 4 คน ได้ดำต่อเพื่อเอาอาหารไปให้เด็กและโค้ช ขณะเดียวกันหน่วยซีลจากกองทีพเรือของไทย 4 คน ก็ลงมือเตรียมพร้อมปฏิบัติการช่วยเหลือ 13 ชีวิตในที่สุด
ขณะเดียวกัน ด้านนอกถ้ำ ชาวไทยและนานาชาติจำนวนมากก็ได้ส่งกำลังคนทั้งชายหญิงมาอำนวยความสะดวกแทบทุกสิ่งทุกอย่างให้ ทั้งอาหารการกิน เครื่องมือสื่อสาร กองทัพสื่อมวลชนจำนวนมากมาทำข่าว คนงานจำนวนมหาศาลขนเครื่องไม้เครื่องมือหนักหลายตันเพื่อทำการสูบน้ำออกจากถ้ำเพื่อให้ปฏิบัติการดำถ้ำดำเนินไปได้
“ผมไม่เคยเห็นอะไรอย่างนี้มาก่อนในชีวิตที่มนุษย์พยายามต่อสู้กับพลังธรรมชาติของมวลน้ำในฤดูมรสุมเพื่อให้อยู่ภายใต้การควบคุมให้ได้”
คนงานที่ทำหน้าที่ปีนป่ายโยงสายขึงเชือกก็ทำไป คนอีกกลุ่มที่ทำหน้าที่ตัดพุ่มไม้ลัดเลาะเสาะหาทางเข้าถ้ำทางอื่นก็ทำไปเผื่อจะได้มีปล่องช่องเข้าไปในถ้ำได้มากขึ้น ทีมขุดเจาะก็พยายามทำเซาะหินยาวเป็นกิโลเพื่อให้ถึงจุดที่ 13 ชีวิตติดอยู่ได้ และในเวลาทั้งหมดนั้น ทหารเรือหน่วยซีลผู้กล้าหาญทั้ง 4 ที่นั่งอยู่กับทีมหมูป่าก็รู้สึกได้ว่า พวกเขากับเด็กๆ ทีมหมูป่าก็ตกอยู่ในภาวะอันตรายไม่ต่างกัน
เมื่อดูเหมือนว่าไม่สามารถพึ่งทางเลือกอื่นได้ ก็นำมาสู่การตัดสินใจว่าต้องว่ายน้ำนำเด็กๆ ออกมาจากบริเวณที่ติดอยู่ ขณะนำเด็กออกมานั้น 4 คน ยังดำต่อเพื่อนำลำเลียงเสบียงไปให้ เด็กๆ โค้ช และทีมหน่วยซีลที่อยู่ดูแล 13 ชีวิต ให้มีความพร้อม ประคับประคองตัวเองต่อไปได้ในที่สุด
เมื่อเด็กๆ และโค้ช ถูกส่งมาถึงโถง 3 ทีมปฏิบัติการนานาชาติทั้งสหรัฐ ออสเตรเลีย จีน และแพทย์จากหน่วยซีลของไทยก็ทำการประเมินอาการของเด็กๆ ก่อนรีบส่งต่อยังโรงพยาบาลสนาม ก่อนหามส่งโรงพยาบาลเชียงรายฯ เราโชคดีที่ได้มีโอกาสเยี่ยมเด็กๆ และโค้ชที่โรงพยาบาล ได้เห็นทีมแพทย์และพยาบาลสวยๆ ที่โรงพยาบาลก่อนเดินทางกลับบ้าน
ผมอยากเขียนเรื่องนี้เพื่อพยายามจะให้เครดิตแก่ทุกๆ คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ทางใดก็ทางหนึ่งในการช่วยเหลือทีมหมูป่า ขณะที่สปอตไลท์ส่องมาที่เครกและผมเพื่อชื่นชมในความพยายาม แต่เราสองคนอยากจะให้ทุกคนได้ตระหนักว่า บทบาทของเราไม่ได้มีความสำคัญมากกว่าหรือน้อยกว่าคนอื่นๆ จำนวนนับร้อยนับพันที่ผมได้กล่าวถึง ภารกิจในส่วนที่เราได้ปฏิบัติอาจจะถูกยกให้ดูสูงส่งกว่าความเป็นจริง พวกเรารู้สึกแต่เพียงว่า โชคดีที่เราได้มีโอกาสได้ใช้ทักษะบางประการในการช่วยทำให้ปฏิบัติการช่วยชีวิตสัมฤทธิ์ผลอย่างดีเยี่ยม
ขอมอบคำขอบคุณเป็นพิเศษแก่หน่วยงานต่างๆ ทั้งในออสเตรเลียและประเทศไทยที่อำนวยความสะดวกต่างๆ ให้กับพวกเรา ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของจ่าเอกสมาน กุนัน ที่เสียชีวิตระหว่างปฏิบัติการช่วยเหลือทีมหมูป่า ที่บ้านเราคงต้องขอบคุณครอบครัวที่ช่วยจัดการรับมือกับสื่อ และคอยเป็นห่วงเป็นใย
สุดท้ายสำหรับคนจำนวนมากมายทั้งคนไทยและจากทั่วโลกที่ส่งข้อความมาสื่อสารชื่นชมและเป็นกำลังใจมาให้ ซึ่งเราสองคนได้อ่านทุกข้อความที่ส่งมาจาก แฮร์รี่ และ เครก.-สำนักข่าวไทย