พาณิชย์ 13 ก.ค. – รัฐบาลคุมเข้มระบายข้าวเข้าสู่อุตสาหกรรม ย้ำไม่ให้รั่วไหลไปขายในตลาดปกติ หากผิดไปจากที่แจ้งฟ้องทั้งแพ่งและอาญา
พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ประธานอนุกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายข้าวสารในสต็อกของรัฐ กำชับให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ตรวจสอบการนำข้าวไปใช้ในอุตสาหกรรมของผู้ซื้อข้าวในสต็อกของรัฐให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ข้อกำหนดและแผนงานที่วางไว้โดยเคร่งครัด หากตรวจพบผู้ซื้อไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขในสัญญา โดยนำข้าวไปใช้ผิดวัตถุประสงค์จากที่ได้แจ้งรับรองไว้ทั้ง 2 หน่วยงานในฐานะคู่สัญญา ฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งทางแพ่งและทางอาญาตามอำนาจหน้าที่ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในกำหนดอายุความของคดีนั้น ๆ
นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2561 ในการประชุมคณะอนุกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายข้าวสารในสต็อกของรัฐ พลเอก ฉัตรชัย ในฐานะประธานอนุกรรมการ ได้ติดตามความคืบหน้าการดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อคส. และ อ.ต.ก. กรณีตรวจพบข้อพิรุธและข้อสังเกตในการนำข้าวไปใช้ในกระบวนการแปรรูปทางอุตสาหกรรมของผู้ซื้อข้าวในสต็อกของรัฐ ซึ่งได้ปรากฏเป็นข่าวผ่านสื่อต่าง ๆ ในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ กรณีบริษัท วี ออร์แกนนิก จำกัด จังหวัดกำแพงเพชร นำข้าวไปผลิตเป็น “ปุ๋ย (สารปรับปรุงคุณภาพดิน)” ซึ่งไม่เป็นไปตามหนังสือรับรองการนำข้าวไปใช้ในอุตสาหกรรมที่รับรองว่าจะนำไปผลิต “ปุ๋ย” และในกระบวนการผลิตตรวจสอบพบว่าผู้ซื้อไม่นำข้าวไปบดหรือตีป่นเสียก่อนซึ่งไม่เป็นไปตามเงื่อนไขสัญญาในกระบวนการแปรรูปที่ผู้ซื้อแจ้งไว้ในแผนกระบวนการผลิต ดังนั้น อคส.จึงได้ดำเนินการกล่าวโทษร้องทุกข์ บริษัท วี ออร์แกนนิกฯ และขณะนี้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองกำแพงเพชร ได้รวบรวมพยานหลักฐานส่งสำนวนสั่งฟ้องบริษัท วี ออร์แกนนิกฯ ให้กับพนักงานอัยการจังหวัดกำแพงเพชรแล้วในความผิดฐาน “ร่วมกันขนย้ายข้าวสารในสต็อกของรัฐ ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ผู้อื่นและแจ้งความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน” โดย อคส.จะดำเนินการเรียกร้องค่าเสียหาย ค่าปรับ รวมทั้งค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จากบริษัท วี ออร์แกนนิกฯ ตามสัญญาต่อไป
ส่วนกรณีตรวจพบข้อพิรุธการขนย้ายข้าวสาร จังหวัดสระแก้ว เมื่อเดือนกรกฎาคม 2560 ตำรวจ สภ. เมือง สระแก้ว ได้สกัดจับรถบรรทุกพ่วงข้าวสาร 7 คันที่ไม่มีหนังสือกำกับการขนย้ายข้าวโดยสันนิษฐานว่าได้มีการลักลอบขนข้าวในสต็อกของรัฐ ขณะนี้คนขับรถบรรทุกทั้ง 7 คนได้ถูกดำเนินคดีในข้อหาขนย้ายข้าวสารซึ่งมีปริมาณตั้งแต่ 10 เมตริกตันขึ้นไปเข้ามาหรือออกจากจังหวัดสระแก้วโดยไม่ได้รับอนุญาต และศาลมีคำพิพากษาตัดสินโทษแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติม เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและระบุผู้ร่วมกระทำความผิดในกรณีดังกล่าวต่อไป
ขณะที่การตรวจสอบนำข้าวไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ของผู้ซื้อข้าวในสต็อกของรัฐ 2 ราย ได้แก่ บริษัท เอส พี เอ็ม อาหารสัตว์ จำกัด และบริษัท วีซีเอฟ กรุ๊ป จำกัด ตามที่ได้รับแจ้งข้อสังเกตจากจังหวัดราชบุรี โดยประธานอนุกรรมการฯ ได้มอบให้ อคส. และ อ.ต.ก. ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวโดยละเอียดพร้อมรายงานผลการตรวจสอบให้ทราบโดยเร็วภายใน 1 สัปดาห์
ประธานอนุกรรมการฯ ยังได้กำชับให้ อคส. และ อ.ต.ก.ในฐานะหน่วยปฏิบัติที่ได้รับมอบหมายจาก นบข. ให้ดำเนินมาตรการควบคุมการนำข้าวในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมอย่างเข้มงวดและรัดกุมทุกขั้นตอน ตั้งแต่การทำสัญญาซื้อขายข้าว การขนย้ายข้าว และนำข้าวไปใช้ในกระบวนการผลิตตามที่ผู้ซื้อมีหนังสือรับรองไว้ รวมถึงการกำกับดูแลข้าวที่รัฐระบายเข้าสู่อุตสาหกรรมปี 2561 ที่อยู่ระหว่างการทำสัญญา ปริมาณรวม 1.96 ล้านตัน ประกอบด้วย ข้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน (กลุ่มที่ 2) ปริมาณ 1.44 ล้านตัน และข้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ (กลุ่มที่ 3) ปริมาณ 0.52 ล้านตัน ทั้งนี้ หากผู้ซื้อข้าวในสต็อกของรัฐไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขในสัญญา เช่น ไม่ดำเนินการรับมอบข้าวหรือรับมอบข้าวล่าช้า ให้ อคส. และ อ.ต.ก.พิจารณาเรียกร้องค่าปรับและค่าใช้จ่ายตามสัญญา และโดยเฉพาะการแปรรูปเข้าสู่อุตสาหกรรมหรือนำข้าวไปใช้ผิดวัตถุประสงค์จากที่ได้แจ้งรับรองไว้ ซึ่งได้กำหนดบทลงโทษอย่างชัดเจนรัดกุม ให้ อคส. และ อ.ต.ก.ฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งทางแพ่งและทางอาญาตามอำนาจหน้าที่ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในกำหนดอายุความของคดีนั้น ๆ เพื่อรักษาประโยชน์สูงสุดของรัฐ .-สำนักข่าวไทย