เปิดมุมมองปมปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์

กรุงเทพฯ 21 มิ.ย. – หลังรัฐบาลสั่งระงับการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งส่งผลกระทบและสร้างปัญหาหลายพื้นที่ หลายฝ่ายสนับสนุนแนวทางดังกล่าว และคาดว่าใช้กฎหมายปกติแก้ไขปัญหาได้ โดยไม่ต้องอาศัยมาตรา 44



รัฐบาลเดินหน้าจัดการปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่นำเข้าจากต่างประเทศไม่ถูกต้อง หลังตรวจพบในหลายพื้นที่ ส่งผลกระทบต่อสุขอนามัยและสิ่งแวดล้อม โดยที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นั่งหัวโต๊ะ ออกมาตรการเร่งด่วนให้ระงับการอนุญาตนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์จากโรงงานที่ปฏิบัติไม่ถูกต้องตามอนุสัญญาบาเซล


และกรณีที่พบการสำแดงเท็จ จะผลักดันให้นำขยะอิเล็กทรอนิกส์กลับไปยังประเทศต้นทาง อีกทั้งหากนำเข้ามาและส่งไปโรงงานกำจัดที่ไม่ถูกต้องตามใบอนุญาต ให้ส่งกลับไปยังโรงงานที่ได้รับอนุญาต หรือนำไปกำจัดให้ถูกต้อง ซึ่งผู้กระทำผิดต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะเดียวกัน สั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด ดูแลแก้ไขข้อกฎหมาย แต่หากติดขัดก็ให้เสนอใช้คำสั่งตามมาตรา 44


รองประธานกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เห็นด้วยกับการห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ เพราะถือเป็นผลเสียมากกว่าประโยชน์ที่ได้รับ สร้างปัญหามลพิษรุนแรง และต้องมีบทลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืนอย่างจริงจัง

อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เห็นว่า การสั่งระงับการนำเข้า ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะขีดความสามารถในการกำจัดขยะของโรงงานยังไม่ถูกต้อง ซึ่งจากนี้โรงงานต้องหยุดการนำเข้าทันที แม้จะมีจำนวนขยะที่เหลืออยู่ก็ตาม โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะกำหนดประกาศห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนกฎหมายภายในประเทศก็สามารถออกประกาศได้ทันที ด้วยการยกระดับวัตถุอันตรายที่ห้ามนำเข้า เชื่อว่าสามารถดำเนินการได้ด้วยกฎหมายปกติ โดยไม่ต้องออกเป็นคำสั่งตามมาตรา 44

สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ แบ่งเป็น ปัญหาจากโรงงานที่นำเข้าขยะ ซึ่งแม้จะมีใบอนุญาต แต่ไม่ทำการกำจัดขยะเองอย่างถูกต้อง กลับส่งต่อไปยังโรงงานอื่น ซึ่งถือว่าผิดเงื่อนไข และอีกส่วนคือ การสำแดงเท็จ โดยไม่แจ้งว่าสินค้าที่นำเข้ามาเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งการสุ่มตรวจอาจทำให้เล็ดลอดไปได้ ทั้งนี้ ในประเทศไทยมีโรงงานกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ 7 โรงงาน ปฏิบัติไม่ถูกต้อง 5 โรงงาน และถูกต้องเพียง 2 โรงงาน. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง