ท่าเรือแหลมฉบัง 15 ม.ค. – กรมศุลกากรจับกุม “ขยะอิเล็กทรอนิกส์” 10 ตู้คอนเทนเนอร์ น้ำหนักกว่า 256 ตัน ผลักดันส่งกลับต้นทาง ญี่ปุ่น ฮ่องกง
นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร พร้อมนายจักกฤช อุเทนสุต รองอธิบดีกรมศุลกากร ร่วมแถลงข่าวจับกุม “ขยะอิเล็กทรอนิกส์” นำเข้าทางท่าเรือแหลมฉบังจำนวน 10 ตู้คอนเทนเนอร์ น้ำหนักกว่า 256 ตัน” ณ สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี หลังจากได้เฝ้าระวังอย่างเข้มงวด ทราบข้อมูลจากศุลกากรต่างประเทศ จึงตรวจพบการลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ผ่านทางท่าเรือแหลมฉบัง ในวันที่ 3 และ 6 มกราคม 2568 จำนวน 10 ตู้คอนเทนเนอร์
ผู้นำเข้าสำแดงข้อมูลในใบขนสินค้าเป็น “เศษโลหะและโลหะเก่าใช้แล้ว” เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ สินค้ามีต้นกำเนิดจากญี่ปุ่น จำนวน 9 ตู้ และฮ่องกง จำนวน 1 ตู้ ภายในพบ “เศษชิ้นส่วนอุปกรณ์หรือส่วนประกอบของเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ไม่ได้ มีสภาพเป็นเศษขยะอิเล็กทรอนิกส์ ปริมาณกว่า 256 ตัน สินค้าดังกล่าว ถือเป็นของต้องห้ามตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ และถือเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ต้องได้รับอนุญาตให้นำเข้าจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม และละเมิดอนุสัญญาบาเซล ว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายและการกำจัดของเสียอันตรายข้ามแดน
สำหรับสถิติการจับกุมของที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ในปีงบประมาณ 2568 (1 ตุลาคม 2567 – 14 มกราคม 2568) ได้แก่ ขยะอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 19 คดี น้ำหนัก 256,643 กิโลกรัม เศษพลาสติก จำนวน 6 คดี น้ำหนัก 322,980 กิโลกรัม รวมทั้งหมด 25 คดี น้ำหนัก 579,623 กิโลกรัม สำหรับในปีงบประมาณ 2567 จับกุมขยะเทศบาล จำนวน 9 คดี น้ำหนัก 1,259,942 กิโลกรัม โดยกรมศุลกากรยังเฝ้าระวังสินค้าที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพและสุขอนามัยของประชาชนอื่น ๆ ด้วย เช่น เศษพลาสติก ซึ่งเป็นไปตามประกาศของกระทรวงพาณิชย์ที่ห้ามนำเข้าเศษพลาสติก ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 รวมถึงขยะเทศบาล เนื่องจากหลายประเทศทั่วโลก เริ่มมีขยะจากเครื่องใใช้ไฟฟ้าวูงขึ้น ต้นทุนการทำลายแพง จึงหาช่องทางส่งมายังลักลอบส่งไปทิ้งยังประเทศอื่นทั่วโลก. -515- สำนักข่าวไทย