กรุงเทพฯ 1 มิ.ย. – กรมการขนส่งทางบกจับมือนครชัยแอร์ เปิดตัว TAXI VIP ลอตแรกของประเทศไทย ยืนยันต้องมี TAXI หรูในระบบท 10,000 คัน เริ่มให้บริการวันนี้
นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เป็นประธานเปิดตัวรถ TAXI VIP ของบริษัท ออล ไทย แท็กซี่ จำกัด ซึ่งใช้รถยนต์ Mercedes-Benz รุ่น C 350 e Avantgarde มาให้บริการ เพื่อยกระดับการให้บริการรถแท็กซี่ทัดเทียมมาตรฐานสากล พร้อมขยายขอบเขตการให้บริการระบบขนส่งสาธารณะให้รองรับความต้องการเดินทางของผู้โดยสารได้ทุกกลุ่ม
สำหรับโครงการ TAXI OK และ TAXI VIP ตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2560 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นการพัฒนามาตรฐานรถแท็กซี่ครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งด้านสมรรถนะตัวรถ ระบบบริหารจัดการ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ควบคู่กับการยกระดับการให้บริการ สามารถเรียกใช้บริการผ่านแอพพลิเคชั่นได้อย่างสะดวก ซึ่งปัจจุบันรถแท็กซี่จดทะเบียนใหม่ทุกคันจะต้องติดตั้งอุปกรณ์ตามมาตรฐาน TAXI OK ผู้ขับรถผ่านการตรวจสอบประวัติ มีใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะถูกต้อง
ทั้งนี้ สำหรับการให้บริการรถ TAXI VIP เป็นรูปแบบการให้บริการที่เป็นทางเลือกเพิ่มเติมสำหรับรองรับความต้องการกลุ่มผู้โดยสาร เช่น ลูกค้าองค์กรธุรกิจ, ธุรกิจโรงแรม, นักธุรกิจ และนักท่องเที่ยว ที่ต้องการความหรูหราสะดวกสบายและการให้บริการในการเดินทางระดับพรีเมี่ยม ผู้ให้บริการต้องดำเนินการในรูปแบบนิติบุคคลที่มีการบริหารงานอย่างเป็นมืออาชีพ มาตรฐานตัวรถต้องมีสมรรถนะสูงกว่ารถแท็กซี่ทั่วไป เป็นรถใหม่หรือมีอายุการใช้งานไม่เกิน 2 ปี และไม่เกิน 20,000 กิโลเมตร เสริมความปลอดภัยด้วยระบบช่วยเบรกแบบ ABS และมีถุงลมนิรภัยที่นั่งตอนหน้าอย่างน้อย 1 คู่ กล่องป้ายไฟแสดงข้อความ TAXI VIP หรือข้อความอื่นตามที่กรมการขนส่งทางบกให้ความเห็นชอบ เพื่อให้ประชาชนผู้ใช้บริการทราบว่าเป็นรถแท็กซี่แบบพิเศษ สำหรับการติดตั้งอุปกรณ์ส่วนควบภายในรถเหมือนกับ TAXI OK ประกอบด้วย ติดตั้ง GPS Tracking พร้อมอุปกรณ์แสดงตัวผู้ขับรถ, มาตรค่าโดยสาร, ปุ่มฉุกเฉินสำหรับผู้โดยสารอย่างน้อย 1 จุด ในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นได้และใช้งานสะดวก, กล้องบันทึกภาพภายในรถแบบ Snap Shot ทำงานร่วมกันได้แบบ Real-time ส่งข้อมูลไปยังศูนย์บริการของผู้ประกอบการ และศูนย์บริหารจัดการรถแท็กซี่ของกรมการขนส่งทางบก (DLT TAXI CENTER) พร้อมบริการสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันตลอดการเดินทาง สำหรับอัตราค่าบริการ TAXI VIP เริ่มต้น 2 กิโลเมตรแรก 150 บาท กิโลเมตรต่อไปกิโลเมตรละ 12-16 บาท กรณีรถติดนาทีละ 6 บาท กรณีเรียกรถผ่านศูนย์บริการสื่อสารครั้งละไม่เกิน 50 บาท การจองล่วงหน้าและการจ้างจากท่าอากาศยานครั้งละไม่เกิน 100 บาท
นายสนิท กล่าวว่า ปีแรกกรมการขนส่งทางบกประมาณว่าจะมีการจดทะเบียนนำรถ TAXI VIP ออกวิ่งให้บริการได้ 1,000- 2,000 คัน ขณะที่รถโดยสาร TAXI VIP จะมีความต้องการใช้บริการของผู้โดยสารในตลาดประมาณ 10,000 คันจึงเพียงพอ
นางเครือวัลย์ วงศ์รักมิตร กรรมการ บริษัท ออล ไทย แท็กซี่ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท ออล ไทย แท็กซี่ จำกัด เป็นบริษัทในเครือของนครชัยแอร์ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งยกระดับการให้บริการและคุณภาพชีวิตของประชาชน ภายใต้กฎระเบียบข้อบังคับและนโยบายของภาครัฐ ขานรับนโยบายยกระดับคุณภาพแท็กซี่เปิดให้บริการ TAXI VIP ด้วยรถยนต์ Mercedes – Benz รุ่น The C 350 e Avantgarde พร้อมระบบบริหารจัดการควบคุมการเดินรถที่ทันสมัยตามมาตรฐานของบริษัทฯ และให้บริการมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้โดยสารตลอดการเดินทาง อาทิ น้ำดื่มฟรี, หนังสือพิมพ์, ผ้าเย็น, บริการฟรี WI-FI, ที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือ ฯลฯ เริ่มให้บริการอย่างเป็นทางการทันทีตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2561 เป็นต้นไป โดยสามารถเรียกใช้บริการได้หลายช่องทางผ่านแอพพลิเคชั่น TAXI OK ของกรมการขนส่งทางบก หรือ แอพพลิเคชั่น ALL THAI TAXI
นายฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า Mercedes – Benz ถือเป็นแบรนด์รถยนต์ระดับพรีเมี่ยมที่ถูกนำมาใช้เพื่อเป็นรถแท็กซี่บริการผู้โดยสารคนสำคัญในหลากหลายประเทศชั้นนำของโลก อาทิ เยอรมนี นอร์เวย์ และอังกฤษ ดังนั้น ความร่วมมือครั้งนี้จึงเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญที่จะมีส่วนช่วยยกระดับขนส่งมวลชนในประเทศไทยให้มีมาตรฐานระดับสากล ซึ่งรถยนต์ Mercedes – Benz รุ่น The C 350 e Avantgarde เป็นรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดภายใต้แบรนด์เทคโนโลยี EQ – Electric Intelligence by Mercedes-Benz มีการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 58 กรัมต่อกิโลเมตร และสามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (EV) เพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 33 กิโลเมตร จึงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดมลภาวะบนท้องถนน ตอบสนองนโยบายความปลอดภัยในการเดินทางด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยที่มาพร้อมกับความหรูหราสะดวกสบาย
ส่วนปัญหาแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสารนั้น อธิบดีกรมการขนส่งทางบกยืนยันว่าขณะนี้หากได้รับการร้องเรียนจากผู้โดยสาร ก็จะดำเนินการลงโทษปรับสูงสุด และหากมีการกระทำซ้ำซากก็จะมีการพิจารณาในเรื่องของการเพิกถอนใบอนุญาตด้วย.-สำนักข่าวไทย