ป้าแท้ๆเมา สาดน้ำเดือดใส่พ่อลูกบาดเจ็บ

พิษณุโลก 25 พ.ค.-ชาวโซเชียลแห่แชร์คลิปสะเทือนใจ ป้าแท้ๆ สาดน้ำร้อนใส่สามพ่อลูกจนบาดเจ็บ  หนำซ้ำมีฐานะยากจนไม่มีไฟฟ้าใช้หลายปีวอนผู้ใจบุญช่วยเหลือ


ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “ปรมินทร์ เกษมสุข” โพสต์ลงโซเชียลมีเดีย กรณีมีสามพ่อลูกถูกป้าแท้ๆ สาดน้ำร้อนหุงข้าวใส่เพราะเรื่องเข้าใจผิดในครอบครัว จนทำให้ทั้งหมดได้รับบาดเจ็บมีแผลพุพองจากน้ำร้อนลวกตามร่างกาย ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด นอกจากนี้ บ้านที่อยู่อาศัยก็ไม่มีไฟฟ้าใช้มาแรมปี เนื่องจากต้องต่อพ่วงมาจากบ้านของป้าคู่กรณี เด็กๆต้องจุดตะเกียงอ่านหนังสือ-ทำการบ้าน แต่ไม่ย่อท้อ เพราะเป็นเด็กเรียนดี ขยัน โดยมีชาวโซเชียลแห่เข้าไปให้กำลังใจและแชร์ออกไปจำนวนมาก เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าไปช่วยเหลือ


ล่าสุด วันนี้ (25 พ.ค.) นายสุรกิต  ศรีคำ ผอ.โรงเรียนบ้านน้อยซุ้มขี้เหล็ก อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัว จ.พิษณุโลก เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.พิษณุโลก เจ้าหน้าที่ของ อบต.บ้านน้อยซุ้มขี้เหล็ก และผู้นำท้องถิ่น เดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่ง ในหมู่ 9 ต.บ้านน้อยซุ้มขี้เหล็ก อ.เนินมะปราง ของนายนิพนธ์  แหยมนุช อายุ 49 ปี ซึ่งพักอาศัยอยู่กับ ด.ญ.นิธิพร หรือน้องแตงโม อายุ 14 ปี และ ด.ญ.สุภาพร หรือน้องส้มโอ อายุ 12 ปี เป็นนักเรียนโรงเรียนบ้านน้อยซุ้มขี้เหล็ก จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้สอบถามข้อมูลและเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

นายนิพนธ์  พ่อของเด็ก เปิดเผยว่า เหตุการณ์ในคลิปเกิดขึ้นช่วงเย็นวันที่ 22 พ.ค. ลูกสาวทั้ง 2 คนกลับจากโรงเรียน และกำลังจะหุงข้าว แต่ถูกพี่สาวของตน และเป็นป้าของเด็ก เรียกให้ไปพบที่บ้านใกล้กัน แต่ตนบอกลูกกินข้าวให้เรียบร้อยก่อน ทำให้ป้าที่มีอาการมึนเมาเดินมาตามถึงบ้านแล้วมีปากเสียงกัน จากนั้นป้าได้ยกหม้อหุงข้าวที่ตั้งไว้บนเตาถ่านร้อนๆ สาดใส่ตนเองและลูกสาวที่เข้าห้ามปรามจนถูกน้ำร้อนเดือดๆ ลวกตามร่างกายหลายแห่ง จากนั้นนางสายฟ้า  อาจบุ้ง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 และนางบุญสม  มารอด ครูศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านน้อยซุ้มขี้เหล็ก ที่มีบ้านติดกันได้ยินเสียงดัง จึงวิ่งมาดูและถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน ก่อนไปพบแพทย์ที่ รพ.เนินมะปราง และไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เนินมะปราง


ต่อมาตำรวจสอบปากคำคู่กรณีทั้งสองฝ่าย ซึ่งจะดูผลตรวจจากแพทย์อีกครั้งเพื่อลงความเห็นจะดำเนินคดีหรือไม่ เพราะอาจไกล่เกลี่ยยอมความกันได้ แต่ที่น่าสงสารคือบ้านหลังที่เด็กอาศัยอยู่นั้นเมื่อก่อนเป็นที่ดินของป้า กระทั่งทางหน่วยงานราชการยื่นมือเข้าช่วยเหลือซื้อที่ดินให้อยู่อาศัย และได้ต่อพ่วงไฟฟ้ามาจากบ้านของป้า แต่ระยะหลังมีปากเสียงทะเลาะกันป้าจึงไม่ยินยอมให้ใช้ไฟฟ้า เด็กทั้งสองจึงต้องจุดตะเกียงทำการบ้าน-อ่านหนังสือด้วยความยากลำบาก ขณะนี้มีผู้ใจบุญจะเข้ามาดำเนินการดูแลเรื่องขอไฟฟ้าให้ในวันที่ 27 พ.ค. นี้

ทั้งนี้ผู้ใจบุญมีจิตเมตตาต้องการจะช่วยเหลือก็สามารถติดต่อสอบถามได้ที่หมายเลข 0819731225 หรือช่วยเหลือผ่านบัญชีธนาคารออมสิน สาขาเนินมะปราง ด.ญ.นิธิพร  แหยมนุช เลขที่ 020213598558.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง