กรุงเทพฯ 18 ต.ค. – ตำรวจเร่งสอบสวนขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการแก๊งสร้างลัทธิล้างสมอง-สูบเงิน หลอกอดีตพยาบาลและลูก 2 คน ให้ลงทุน สร้างหนี้ทิพย์ 140 ล้านบาท ซ้ำยังกักขัง สาดน้ำร้อน-โกนหัว
ความคืบหน้าหลังตำรวจสืบสวนนครบาลเข้าจับกุมนายฮารุ อายุ 39 ปี และนายตรีเพชรรัตน อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับในข้อหาร่วมกันทำร้ายผู้อื่น และร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น หลังอ้างเป็นแพทย์ลูกครึ่งเกาหลี-ญี่ปุ่น สร้างลัทธิล้างสมอง หลอกพยาบาล และลูกสาวอีก 2 คน หลอกให้ลงทุน และถูกบังคับให้ทำงานใช้หนี้ 140 ล้านบาท ที่อุปโลกน์ขึ้นมา และกักขังทั้งสามคนไว้ในคอนโดในเขตบางพลัด ซึ่งตำรวจช่วยเหลือออกมาได้แล้ว วันนี้พนักงานสอบสวน สน.บวรมงคล คุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม
โดยเมื่อคืนนี้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ เข้าไปช่วยเหลือผู้เสียหาย ได้แก่ น.ส.ไพริน อายุ 46 ปี, น.ส.พลอย อายุ 34 ปี, น.ส.ไข่มุก อายุ 48 ปี, ด.ญ.ยา อายุ 10 ปี, ด.ช.เช่ อายุ 6 ปี ทั้ง 5 คน ออกมาจากห้องพัก ย่าน ถ.อรุณอมรินทร์ แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด
พบว่าเหยื่อ 3 ราย เป็นแม่ลูกกัน มีอาการหวาดกลัวเสมือนคนเกิดภาวะผิดปกติทางจิตและให้ข้อมูลว่าถูกบังคับให้ทำงานหาเงินใช้หนี้ให้กับ “นายทุน” ที่อ้างเป็นนายแพทย์หญิงลูกครึ่งเกาหลี-ญี่ปุ่น ทำงานสถานทูต โดยมีลูกน้อง 1 คน เป็นคนคอยมาควบคุม โดยเหยื่อ 3 ราย เป็นอดีตพยาบาลในโรงพยาบาลชื่อดัง มาทำธุรกิจร่วมกับนายทุนผู้คลั่งลัทธิ โดยนายทุนออกอุบายให้รวบรวมเงินไว้ที่ตนแล้วดำเนินการ โดยเหยื่อทั้ง 3 ไม่ทราบแต่อย่างใด และจะใช้ “ความกลัว” เข้ากดขี่ เช่น หลอกว่างานไม่สำเร็จมีค่าปรับ, ลูกค้าเรียกเงินคืน, ฝากบุตรเข้าโรงเรียนดัง ฯลฯ จากนั้นก็อุปโลกน์ “หนี้” ยัดเยียดให้กับทั้ง 3 และใช้การหลอกว่ารู้จักกับตำรวจจะดำเนินคดีกับทั้ง 3 คน ทำให้เกิดความกลัวและยอมตกเป็นเบี้ยล่างทำงานใช้หนี้ทิพย์นี้เรื่อยมากว่า 3 ปี โดยล่าสุดทั้ง 3 เข้าใจว่าตกเป็นหนี้นายทุนจำนวน 140 ล้านบาท ทั้งที่แท้จริงทั้ง 3 ถูกนายทุนหลอกลวงทรัพย์สินไปรวมความเสียหายไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท
กระทั่งตำรวจจับกุมผู้ต้องหาได้ โดยนายฮารุ ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ยอมรับเพียงว่าเป็นผู้เทน้ำร้อนใส่ น.ส.ไพริน แต่ไม่ได้สั่งให้ตบหน้าลูกทั้ง 2 คนของ น.ส.ไพริน และไม่เคยชวนใครมาทำธุรกิจ เพียงแต่เสนอไอเดียว่า ให้ลองมาสายความสวยความงามไหม จะลงทุนให้ เนื่องจากเห็นว่าเป็นพยาบาล และมีรายได้ไม่พอดูแลลูกทั้ง 2 คน
จากการตรวจค้นในห้องพักของนายฮารุ พบหนังสือจำนวนมาก, ภาพวาด และเครื่องบูชา แสดงถึงการมีความคลั่งลัทธิ และไม่พบเอกสารหรือสิ่งใดที่สามารถยืนยันชื่อสกุลจริงของนายฮารุ ได้เลย เพราะจะใช้ชื่อของเหยื่อในการทำธุรกรรมทั้งหมด
ตรวจสอบพบว่า นายฮารุ เคยเปลี่ยนชื่อมาแล้วกว่า 9 ชื่อ นอกจากนี้ยังตรวจสอบ พบว่า นายฮารุ มีหมายจับศาลแขวงธนบุรีอีก ปี 62 ใน ข้อหา “ฉ้อโกง” และมีประวัติคดีฉ้อโกงพื้นที่ สน.ทองหล่อ ในปี 2557 ด้วย
ส่วนนายตรีเพชรรัตน รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา บอกว่าได้รับคำสั่งจากนายฮารุ ให้คอยควบคุมเหยื่อทั้ง 3 โดยช่วงหลังได้บังคับให้เหยื่อทั้ง 3 ไปตระเวนยืมเงินจากเพื่อนในเฟซบุ๊ก ในไลน์ คนรู้จัก และครอบครัว โดยจะต้องหาเงินให้ได้ 60,000 บาท ภายใน 48 ชม. เป็นครั้งคราวไป หากไม่สามารถหาเงินตามจำนวนดังกล่าวได้ นายฮารุ จะสั่งให้ตนทำร้ายร่างกายบ้าง ตัดผมเด็กบ้าง ส่วนการตบหน้าเด็ก ถ้าเสียงตบไม่ดังอยู่ในระดับที่นายฮารุ พอใจ ก็จะสั่งให้ น.ส.ไพริน ตบจนพอใจ แต่ช่วงแรกๆ ที่ตนเข้ามาอยู่ใหม่ๆ พี่พยาบาลทั้ง 3 คน ก็เคยรุมทำร้ายร่างกายตนตามคำสั่งของนายฮารุ เช่นกัน. -สำนักข่าวไทย