สรุปเหตุระเบิดป่วนใต้ 24 จุด

ภูมิภาค 21 พ.ค. – สำนักข่าวไทย สรุปเหตุป่วนใต้ที่เริ่มขึ้นช่วงค่ำวานนี้ โดยคนร้ายแบ่งพื้นที่ก่อเหตุเป็น 24 จุด ใน 4 จังหวัด คือ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสงขลา พุ่งเป้าสร้างความเสียหายให้กับตู้เอทีเอ็มของทุกธนาคาร 


เหตุป่วนใต้ในพื้นที่ 4 จังหวัด เริ่มขึ้นช่วงค่ำวานนี้ (20 พ.ค.) ก่อนเวลา 19.00 น. เล็กน้อย โดยที่ จ.ยะลา คนร้ายลอบนำระเบิดไปวางบริเวณตู้เอทีเอ็ม เสาไฟฟ้า บ้านพักตำรวจ หน้าโรงเรียน และหน้าสำนักงานที่ดิน รวม 9 จุด ก่อนจุดชนวนระเบิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม 1 ใน 9 จุดนี้ ตำรวจสามารถเข้าเก็บกู้ทำลายได้ทัน ก่อนจะเกิดระเบิดขึ้น


ส่วนที่ จ.ปัตตานี มีเหตุระเบิดเกิดขึ้น 10 จุด ใน อ.เมือง อ.สายบุรี อ.หนองจิก และ อ.ยะรัง ที่นี่คนร้ายพุ่งเป้าสร้างความเสียหายให้กับตู้เอทีเอ็มเท่านั้น โดยเฉพาะที่ อ.เมืองปัตตานี คนร้ายระเบิดตู้เอทีเอ็มถึง 6 แห่ง มีคนเจ็บถูกลูกหลง 2 คน ซึ่งขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว 

จ.นราธิวาส คนร้ายลอบวางระเบิดบริเวณตู้เอทีเอ็ม อ.ระแงะ และ อ.บาเจาะ รวม 2 จุด และก่อเหตุสร้างสถานการณ์ โดยใช้อาวุธยิงใส่ฐานหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานนาวิกโยธิน ซึ่งตั้งอยู่ในวัดอุไร อ.บาเจาะ ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต


จ.สงขลา มีการวางระเบิด 2 จุด บริเวณตู้เอทีเอ็ม ภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งใน อ.เทพา และหน้า อบต.บ้านโหนด อ.สะบ้าย้อย

ส่วนภาพรวมความเสียหาย มีตู้เอทีเอ็ม 14 แห่ง เสาไฟฟ้า 2 ต้น เหตุก่อกวนสร้างสถานการณ์ 5 จุด ยิงก่อกวนฐานทหาร 1 จุด และเจ้าหน้าที่เก็บกู้ได้ 2 จุด

อย่างไรก็ตาม เหตุไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ ระบุว่า ปีที่ผ่านมาเหตุรุนแรงลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้เสียชีวิต 235 ราย บาดเจ็บ 356 ราย จากเหตุรุนแรง 545 ครั้ง 

ขณะที่สถิติ 14 ปีที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีผู้เสียชีวิต 7,666 ราย บาดเจ็บ 13,115 ราย หากพิจารณาเฉพาะความรุนแรงที่เกิดจากการก่อความไม่สงบ มีทั้งเหตุโจมตีฐานที่ตั้งของเจ้าหน้าที่ 41 เหตุการณ์ ซุ่มโจมตี 191 เหตุการณ์ ยิงด้วยอาวุธปืน 4,235 เหตุการณ์ เหตุระเบิด 3,439 เหตุการณ์ รวมถึงการก่อเหตุวางเพลิง และเหตุก่อกวน เช่น โปรยตะปูเรือใบ เผายางรถยนต์. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Joe Biden and Kamala Harris on stage

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่ “แฮร์ริส” พ่ายแพ้

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

“ทรัมป์” คว้าชัยเด็ดขาด ครองตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เหนือคู่แข่งอย่าง คอมมาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต นับเป็นการกลับมาครองตำแหน่งผู้นำสหรัฐอีกครั้ง หลังต้องออกจากทำเนียบขาวไปเมื่อ 4 ปีก่อน

พบศพไวยาวัจกรวัดดังระยองถูกยิงดับพร้อมหญิงสาวในบ้านพัก

พบศพไวยาวัจกรวัดดัง จ.ระยอง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพัก พร้อมหญิงสาวหน้าตาดี คาดเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน ตำรวจเร่งหาสาเหตุ

พบเด็กหญิงฝาแฝดวัย 9 ขวบ ดวงตาสีฟ้า

พบเด็กหญิงฝาแฝดชาวนครพนม วัย 9 ขวบ มีดวงตาสีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่เผยลูกมีปัญหาทางการได้ยิน ใช้ชีวิตลำบาก ถูกบลูลี่ แต่ไม่ขอเปิดรับบริจาค เพราะเคยถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง

ข่าวแนะนำ

นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขัง เจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น

กองปราบฯ นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขังศาลอาญารัชดา เบื้องต้นท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว ด้านเจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น

ครูปรีชาทนายตั้ม

“ครูปรีชา” หิ้วกาแฟ-ข้าวผัด เยี่ยม “ทนายตั้ม”

เกือบ 24 ชั่วโมง ที่ตำรวจกองปราบฯ คุมตัว “ทนายตั้ม-ภรรยา” มาสอบปากคำ เบื้องต้นทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธ เตรียมส่งตัวฝากขังบ่ายนี้ ส่วนคู่กรณีหวย 30 ล้าน “ครูปรีชา” นำข้าวผัดและกาแฟ เข้าเยี่ยม “ทนายตั้ม” พร้อมยืนยันคำเดิม “ความจริงก็คือความจริง”

นายกฯ เร่งตั้งทีม JTC เจรจา MOU44 คาดชัด 18 พ.ย.นี้

นายกฯ ยันรัฐบาลเร่งตั้งคณะกรรมการ JTC หารือเส้นเขตแดน MOU 44 และพลังงานใต้ทะเล คาด 18 พ.ย.นี้ ชัดเจน “ภูมิธรรม” มั่นใจกัมพูชายึดตามสนธิสัญญาเจนีวา แม้ไม่เข้าร่วม ย้ำมีผลผูกพันทุกประเทศทั่วโลก