กรณ์ ขอโทษสังคมแทนลูกเลี้ยง กรณีพบโคเคน

กทม. 5 พ.ค. – ตำรวจ สน.ทองหล่อ ตั้งจุดตรวจจับกุมสิ่งผิดกฎหมาย พร้อมตรวจค้น ติ๊งค์ พันธิตร ลูกเลี้ยงของนายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.คลัง ล่าสุด นายกรณ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ขอบคุณทุกกำลังใจ


จากกรณีตำรวจ สน.ทองหล่อ ตั้งจุดตรวจจับกุมสิ่งผิดกฎหมาย ที่หน้าอาคารโอเชี่ยนทาวเวอร์ ถนนรัชดาภิเษก พร้อมตรวจค้น นายพันธิตร มหาเปารยะ หรือติ๊งค์ น้องชายของแต๊งค์ พงศกร มหาเปารยะ ดาราหนุ่ม ลูกชายนางวรกร จาติกวณิช และลูกเลี้ยงของนายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พบโคเคนบรรจุถุงพลาสติก น้ำหนัก 0.920 กรัม พร้อมหลอดพลาสติกสีดำ 2 อัน บรรจุในซองพลาสติกใส ราคา 1,000 บาท ในกระเป๋าสตางค์ ซึ่งอยู่ในกระเป๋าสะพายผู้ต้องหา จึงคุมตัวแจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 2 ไว้ในครอบครอง เมื่อเช้ามืดวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา


วานนี้ (4 พ.ค.) ตำรวจ สน.ทองหล่อ ควบคุมตัวนายพันธิตร ส่งศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน โดยระหว่างที่คุมตัวไปขึ้นรถ นายพันธิตร ได้ตะโกนบอกสื่อมวลชนที่มาทำข่าวว่า “อย่าถ่ายรูปผมนะ” พร้อมพูดต่อว่า “สนุกกันใหญ่เลยนะครับ” ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่จะพาขึ้นรถตราโล่นำส่งศาลอาญากรุงเทพใต้ ต่อมาในช่วงบ่าย ญาติยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดขอปล่อยชั่วคราวนายพันธิตร ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้นายพันธิตรได้ประกันตัวไปโดยตีราคาหลักทรัพย์ 10,000 บาท โดยไม่ได้กำหนดเงื่อนไขใดๆ และให้รายงานตัวหลังครบฝากขังครั้งที่ 4 ในวันที่ 21 มิ.ย.นี้


รายงานข่าวแจ้งว่า ตั้งแต่นายพันธิตรถูกคุมตัวมาที่ สน.ทองหล่อ เมื่อวันที่ 3 พ.ค. มีแต่นายแต๊งค์ พงศกร มหาเปารยะ ดารานักแสดง ที่เป็นพี่ชายเข้าเยี่ยมคนเดียว ส่วนนายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.คลัง พ่อเลี้ยง ไม่ได้เดินทางเข้าเยี่ยมแต่อย่างใด

นายพันธิตร ให้การยอมรับว่า เสพยาโคเคนจริง แต่เพิ่งทดลองเสพ นานๆ จะเสพครั้งหนึ่ง โดยซื้อโคเคนมาจากเพื่อนคนหนึ่ง ที่ไม่สนิทกันมาก โดยนัดรับส่งยาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ย่านราชดำริ โดยเพื่อนจะนำโคเคนมาวางไว้บนโต๊ะ ก่อนตนเองจะเดินไปหยิบ และเข้าไปเสพในห้องน้ำของร้านอาหาร ส่วนยาเสพติดที่เหลือส่วนหนึ่งตั้งใจจะนำกลับมาที่บ้าน เพื่อเสพต่อ แต่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมระหว่างกลับบ้าน หลังจากถูกจับกุมตัวนายพันธิตรไม่ได้ติดต่อพ่อ แม่ เพราะไม่ต้องการให้รู้เรื่องนี้ ทั้งนี้ นายพันธิตรปฏิเสธให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ถึงชื่อเพื่อนที่นำของมาให้ และจะให้การในชั้นศาลเท่านั้น

นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนยังสอบปากคำพยานอีก 4 ปาก รอผลการตรวจสอบของกลาง และรอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือผู้ต้องหา จากกองทะเบียนประวัติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำหรับยาเสพติดประเภทโคเคน เป็นยาเสพติดที่นิยมในพวกนักเรียนนอกและสังคมชั้นสูง เป็นผงสีขาว เวลาเสพจะจุดไฟลงผงโคเคนก่อนสูดดม โดยในปัจจุบันยาเสพติดประเภทนี้หายากในท้องตลาดและมีราคาแพง และเป็นยาเสพติดเฉพาะกลุ่ม

วันเดียวกัน นายกรณ์ จาติกวณิช ทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ และอดีต รมว.คลัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ “Korn Chatikavanij” ว่า “ต้องขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาให้ผมและภรรยานะครับ ในฐานะคนในครอบครัวเดียวกัน ในเมื่อติ๊งค์ได้ออกมาขอโทษและให้คำมั่นว่าจะปรับปรุงตัวเอง เราก็ต้องให้โอกาสและความช่วยเหลือ นอกจากนั้นก็คือปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายตามปกติ เมื่อคืนเขาก็นอนในห้องขังอยู่หนึ่งคืน คงจะได้คิดอะไรบ้าง และเท่าที่ทราบเจ้าตัวเขาก็ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยดี วันนี้หากศาลกรุณาเราก็คงไปประกันตัวเขาออกมาและรอฟังคำสั่งศาลต่อไป

“ในฐานะที่ติ๊งค์เป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว ผมอยากจะขอโทษแทนน้องเขา บทเรียนครั้งนี้น่าจะทำให้เขาโตขึ้น และหวังว่าสังคมจะให้โอกาสเขาในอนาคต หลังจากกระบวนการทางกฎหมายต่างๆ สิ้นสุดแล้ว หากมีข้อเสนอแนะใดที่ผมในฐานะพ่อเลี้ยงและหัวหน้าครอบครัวคนหนึ่งพึงกระทำอีก ผมพร้อมเปิดใจรับฟังนะครับ ด้วยความขอบคุณ” 

ก่อนหน้านี้ นางวรกรโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อ “Vorakorn Chatikavanij” เมื่อเวลาประมาณเที่ยงคืนของวันที่ 4 พ.ค. ว่า “พี่แต๊งไปเยี่ยมแล้ว เพิ่งส่งข่าวมาว่าตอนนี้ทั้ง สน.มีน้องถูกขังอยู่คนเดียว ซื้อยากันยุงกับบะหมี่เป็ดให้น้อง แล้วบอกน้องถามว่า แม่รู้เรื่องหรือยัง” ต่อมาในช่วงเที่ยง นางวรกร ได้โพสต์เฟซบุ๊กอีกครั้ง เป็นภาพของนายกรณ์นั่งอยู่ในรถตู้โดยมีสุนัขนอนบนตักของนายกรณ์ พร้อมเขียนข้อความว่า “เน่จะไปปลูกป่ากับพ่อครับ #bene_thefrenchieprince #lifegoeson”

ปิดคดี-คุก15 ปี ยู่ยี่ ขนโคเคน ศาลฎีกา ยกคำร้อง ติดมาแล้ว 2 ปี 9 เดือน ปรับ 1.5 ล. 

ศาลฎีกาไม่รับคำร้อง “ยู่ยี่” อดีตนางแบบชื่อดัง สู้คดีซุกยาเสพติด “โคเคน” จากเวียดนามเข้าไทย เป็นอันปิดฉากคดี ต้องโทษจำคุก 15 ปี 3 เดือน ปรับ 1.5 ล้านบาท เผยที่มาคดีอดีตนางแบบโดนจับคาสนามบินดอนเมือง เมื่อปี 2555 ศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ตัดสินจำคุก จนถึงปัจจุบันติดมาแล้ว 2 ปี 9 เดือน

เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ที่ศาลอาญา ศาลอ่านคำสั่งศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อย.122/2556 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางชัชชญา เกวสต้า รามอส หรือยู่ยี่ อลิสา อินทุสมิต อายุ 44 ปี อดีตนางแบบเซ็กซี่ชื่อดัง เป็นจำเลยในความผิดฐานมีโคเคน ยาเสพติดให้โทษประเภท 2 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และนำยาเสพติดเข้ามาในราชอาณา จักรโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 16, 17, 68 และ 69 .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง