กรุงเทพฯ 22 มี.ค. – กรมปศุสัตว์เดินหน้าควบคุมโรคพิษสุนัขบ้า ฉีดวัคซีนสุนัข-แมว 2.7 ล้านตัว จากเป้า 8.24 ล้านตัว
นายสัตวแพทย์จีระศักดิ์ พิพัฒนพงศ์โสภณ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการควบคุมโรคพิษสุนัขบ้า ว่า การฉีดวัคซีนให้สุนัข-แมว ซึ่งเป็นการบูรณาการระหว่างกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นและกรมปศุสัตว์ตั้งเป้าหมาย 8.24 ล้านตัว ได้มีการดำเนินการสะสมตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 จนถึงวันนี้รวมทั้งสิ้น 2,720,822 ตัว โดยการฉีดวัคซีนรอบจุดเกิดโรคในรัศมี 5 กม.ได้ร้อยละ 100 แล้ว และคาดว่าในช่วงรณรงค์เดือนมีนาคม-พฤษภาคมจะได้ร้อยละ 80 ของสุนัข-แมวทั่วประเทศ
สำหรับการผ่าตัดทำหมันมีเป้าหมาย 300,000 ตัว มีการดำเนินการสะสมตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 จนถึงวันนี้รวมทั้งสิ้น 129,357 ตัว และทำการอบรมอาสาปศุสัตว์ด้านโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งตั้งเป้าไว้ 17,500 คน มีผลงานสะสมตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 จนถึงวันนี้ 26,242 คน ซึ่งเป็นอาสาจากท้องถิ่นละ 1-2 ราย ทำงานร่วมกับ อสม. นอกจากนี้ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้ขึ้นทะเบียนสุนัขและแมว 7.3 ล้านตัว โดยยอดที่สำรวจสุนัข แมวในปีที่ผ่านมามีประมาณ 10 ล้านตัว
ด้านสถานการณ์โรคพิษสุนัขบ้าในคนที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานว่า ระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 21 มีนาคม 2561 มีผู้เสียชีวิต 6 ราย ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบผู้ป่วยหรือเสียชีวิต ส่วนการประกาศเขตโรคระบาดสัตว์ช่วงเดือนมกราคม – 21 มีนาคม 2561 มีการประกาศเขตโรคระบาดชั่วคราว 38 จังหวัด ปัจจุบันเหลือ 24 จังหวัด
รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมปศุสัตว์มีเหตุจำเป็นประกาศเขตโรคระบาด เพื่อสามารถกำหนดพื้นที่ควบคุมในระยะ 5 กิโลเมตรรอบจุดเกิดโรค ทำให้สามารถระบุชนิดสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ต้องควบคุมได้ทุกชนิด ห้ามเคลื่อนย้ายสัตว์หรือซากสัตว์ตามประกาศเว้นแต่ได้รับอนุญาต และสัตวแพทย์สามารถสั่งดำเนินการกับสัตว์ป่วยหรือสงสัยว่าป่วยหรือสงสัยว่าเป็นพาหะของโรคระบาดได้ทันที.-สำนักข่าวไทย