กรุงเทพฯ 20 มี.ค. – อธิบดีกรมปศุสัตว์ระบุว่าสามารถฉีดวัคซีนให้หมาและแมวกว่า 2.08 ล้านตัว คาดจนถึงเดือนพฤษภาคมฉีดได้ร้อยละ 80 ของหมาและแมวทั่วประเทศ
นายสัตวแพทย์อภัย สุทธิสังข์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า การที่ได้ร่วมกับกรุงเทพมหานครและท้องถิ่นตั้งจุดฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า พบว่าหมาและแมวที่ป่วยเป็นโรคพิษสุนัขบ้าจนเกิดอาการร้อยละ 80 ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ส่วนอีกร้อยละ 20 อาจจะเคยฉีดแล้วหยุดไป มีข้อแนะนำว่าหากหมาและแมวถูกสัตว์ที่มีเชื้อพิษสุนัขบ้ากัดให้ทำความสะอาดแผลและรีบไปพบสัตวแพทย์ เพื่อฉีดวัคซีนป้องกันไม่ให้โรคพิษสุนัขบ้ากำเริบ เช่นเดียวกับคนแต่เป็นวัคซีนเฉพาะของคน ฉีด 4 เข็มห่างกัน 4 วันฉีด 1 ครั้ง ปัจจุบันไทยนำเข้าวัคซีนได้มาตรฐานสหรัฐและยุโรปปีละ 800,000-900,000 โด๊ส ๆ ละ 15-16 บาท วัคซีนที่นำเข้ามาอายุ 1 ปีครึ่ง โดยต้องควบคุมความเย็นและเมื่อนำออกมาใช้ก็ต้องแช่ในกล่องเก็บความเย็นอุณหภูมิประมาณ 2-8 องศา เพื่อไม่ให้เชื้อในวัคซีนตาย ทั้งนี้ หลังจากหมาและแมวฉีดวัคซีนแล้วต้องคล้องสัญลักษณ์ที่มีสีน้ำเงิน “โรคพิษสุนัขบ้า”
นายสัตวแพทย์อภัย กล่าวว่า กรมฯ ยังคงร่วมกับกรุงเทพมหานครลงพื้นที่ฉีดวัคซีนหมาและแมวจนถึงเดือนพฤษภาคมคาดว่าจะฉีดได้ร้อยละ 80 ของหมาและแมวทั่วประเทศ ซึ่งขณะนี้ฉีดไปแล้วกว่า 2.08 ล้านตัว และในอนาคตมีความเป็นไปได้จะผลิตวัคซีนเอง เมื่อผลิตแล้วราคาต้องไม่แพงกว่าซื้อจากต่างประเทศ และต้องมีคุณภาพดีเท่ากัน ส่วนกรณีปัญหาภรรยารองอธิบดีกรมปศุสัตว์เคยนำวัคซีนพิษสุนัขบ้าเสนอขายให้กรมปศุสัตว์ปี 2560 และทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตรวจพบว่าไม่ได้มาตรฐานและยึดไป กรมฯ ก็ไม่ได้ตรวจรับไว้ใช้ ส่วนการดำเนินคดีเป็นหน้าที่ของ อย.-สำนักข่าวไทย