ดีเดย์ 4 พ.ค.ใช้บัตรประชาชนเบิกจ่ายตรงรักษาพยาบาล

กรุงเทพฯ 20 มี.ค. – กรมบัญชีกลางปรับปรุงระบบเบิกจ่ายตรง ยกเลิกสแกนนิ้วใช้บัตรประชาชนยื่นรักษาพยาบาลแทน เริ่ม 4 พ.ค.61


นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กรมบัญชีกลางปรับปรุงระบบเบิกจ่ายตรงเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยนอก โดยใช้บัตรประจำตัวประชาชนในการยื่นใช้สิทธิ์เบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลได้ทันทีแทนการสมัครเข้าจ่ายตรง (สแกนนิ้ว) กับสถานพยาบาลของทางราชการแต่ละแห่งและต้องรอผลการอนุมัติอีก 15 วัน โดยจะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคม 2561  สถานพยาบาลของทางราชการที่เข้าร่วมโครงการ 1,104 แห่ง และสถานพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการตามหลักเกณฑ์กลุ่มโรคเฉพาะ ได้แก่ การฟอกไต และรังสีรักษาสำหรับโรคมะเร็ง รวม 213 แห่ง

อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวต่อว่า กรมบัญชีกลางได้เวียนแจ้งแนวปฏิบัติการเบิกจ่ายตรงเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยนอกแล้ว ตามหนังสือกรมบัญชีกลาง ด่วนที่สุด ที่ กค 0416.4/ว 143 ลงวันที่ 19 มีนาคม 2561 พร้อมนี้กรมบัญชีกลางได้มอบหมายให้หมอคลังอุ่นใจซึ่งเป็นบุคลากรของกรมที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้เร่งสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับผู้มีสิทธิ์และบุคคลในครอบครัว นายทะเบียนของส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ของสถานพยาบาลของทางราชการและเอกชน เริ่มตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม 2561 เป็นต้นไป รวมทั้งเพิ่มช่องทางการให้ความรู้กับทุกภาคส่วน โดยจะเปิดให้แจ้งความประสงค์ในการเชิญวิทยากรไปให้ความรู้ภายในหน่วยงานแต่ละแห่ง 


สำหรับผู้มีสิทธิ์และบุคคลในครอบครัว ขอให้ตรวจสอบสิทธิ์ของตนเอง โดยเข้าเว็บไซต์ของกรมบัญชีกลาง ที่ www.cgd.go.th หัวข้อ ตรวจสอบสิทธิ์ หากตรวจสอบแล้วพบว่า “ไม่มีสิทธิ” ให้รีบติดต่อนายทะเบียนที่สังกัดโดยเร็ว เพื่อปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องเพื่อสิทธิประโยชน์ของตนเองในการใช้สิทธิ์เบิกจ่ายตรงได้ในวันที่ 4 พฤษภาคม 2561 เป็นต้นไป

อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวย้ำว่า การใช้บัตรประจำตัวประชาชนในการเบิกจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยนอกเป็นเพียงการเปลี่ยนรูปแบบการแสดงตนในการใช้สิทธิเท่านั้น อีกทั้งยังเพิ่มความสะดวกในการใช้สิทธิ์เข้ารับการรักษาได้รวดเร็วขึ้น โดยไม่ต้องทดรองจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลและที่สำคัญไม่กระทบสิทธิ์การเบิกค่ารักษาที่เคยได้รับ สำหรับผู้ที่ยังไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนได้ตามกฎหมายก็สามารถใช้สิทธิ์เบิกจ่ายตรงได้เช่นกัน.-สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง