ทำเนียบฯ 19 มี.ค.-“พล.อ.ฉัตรชัย” เผยที่ประชุมอนุ กก.แก้ปัญหาทำประมงผิดกฎหมาย เห็นชอบการทำประมงพาณิชย์รอบปี 2561-2562 เพิ่มจากเดิมอีก 20 วัน พร้อมจัดสัมมนาด้านการะบวนการยุติธรรมให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาทำประมงผิดกฎหมาย และปรับปรุงศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้า-ออก รวมทั้งเพิ่มอัตรากำลังพลให้การทำงานมีประสิทธภาพสูงสุด
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย หรือไอยูยู ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบใน 3 เรื่อง ได้แก่ 1.การจัดสรรใบอนุญาตทำการประมงพาณิช์ ซึ่งเพิ่มจำนวนวันการทำประมงจากรอบปี 2559-2560 ประเภทละอีก 20 วัน ซึ่งเรือประมงพาณิชย์สามารถรับใบอนุญาตการทำประมงที่กำหนดรอบวันทำประมงรอบปี 2561-2562 ได้ที่สำนักงานประมงอำเภอ 22 จังหวัดชายทะเล ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2561 เป็นต้นไป ซึ่งใบอนุญาตเดิมจะหมดอายุในวันที่ 1 เมษายนนี้
พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวด้วยว่า 2.หลังจากที่มีการจัดสัมมนาด้านกระบวนการยุติธรรมในการแก้ไขปัญหาการประมงผิดกฎหมาย ที่พัทยา โดยมีตำรวจ อัยการ และศาล เข้าร่วมสัมมนาฯ ผลเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งในการสัมมนาดังกล่าว ได้มีผู้แทนจากสหรัฐฯ ร่วมด้วย ซึ่งได้ให้คำแนะนำต่าง ๆ การสัมมนาดังกล่าวส่งผลให้ทั้ง 3 ฝ่ายเข้าใจตรงกันว่าต้องดำเนินการอย่างไรกับประมงที่ผิดกฎหมาย ควรกำหนดกรอบระยะเวลาการดำเนินการแต่งละขั้นตอนให้ชัดเจน
“ตำรวจจะทำการสอบสวนให้เสร็จภายในระยะเวลา 2 เดือน อัยการมีคำสั่งไปแล้วว่าจะต้องทำเรื่องนี้ให้อยู่ในระยะเวลา 1 เดือน ขณะที่ศาลมีการตั้งคณะผู้พิพากษาคดีประมงโดยเฉพาะ และองค์คณะจะเป็นผู้ดูแลเองทุกคดี มีมาตรฐานในการทำงานเพื่อติดตามผลอย่างชัดเจน เชื่อว่าเมื่อทั้ง 3 หน่วยงานเข้าใจตรงกัน การขับเคลื่อนจะทำได้เร็วขึ้น ทั้งนี้เห็นว่าการสัมมนาในรูปแบบดังกล่าว สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ดี จึงจะมีการสัมมนาอีกครั้งในเดือนพฤษภาคม 2561 และในปีต่อไปให้บรรจุเป็นการสัมมนาประจำปี” พล.อ.ฉัตรชัย กล่าว
พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวอีกว่า 3.ที่ประชุมได้เห็นชอบเรื่องการพัฒนาศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้า-ออก (PIPO) ขณะนี้มีการปรับปรุงใหม่ จากเดิมมี 32 ศูนย์ ขณะนี้เหลือ 30 ศูนย์ และได้เพิ่มอัตรกำลังพลเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุด แต่ละศูนย์จะมีทหารเรือ ตัวแทนประมง กรมเจ้าท่า และตำรวจ อยู่ภายในศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้า-ออก ทุกศูนย์ฯ จะต้องมีเจ้าหน้าที่ประจำ ให้เริ่มทำงานเต็มอัตราเพื่อให้มีการตรวจการเข้า-ออกของเรือประมงได้อย่างจริงจัง
“จะทำให้ในอนาคตการตรวจแรงงานต่างด้าวของศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้า-ออก จะสามารถทำได้ 3 ระบบอย่างพร้อมเพรียงกัน ทั้งการตรวจเอกสาร ภาพถ่าย และม่านตา ซึ่งการสแกนม่านตาจะเสร็จทันตามกำหนดในสิ้นเดือนมีนาคมนี้อย่างแน่นอน ถ้าศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้า-ออก มีความเข้มแข็ง รู้จำนวนแรงงานเข้า-ออก จะทำให้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายลดไปได้มาก และจากที่เคยไปประชุมอาเซียน เคยประกาศว่าอยากเห็นไทยเป็นแกนนำการทำประมงที่ถูกต้องและยั่งยืน แต่หากได้รับความร่วมมือจากอาเซียน ก็จะเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งไทยพร้อมที่จะเป็นศูนย์ในการประสานงานให้กับประเทศอาเซียน” พล.อ.ฉัตรชัย กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมในจดหมายสั่งงานของรองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พล.อ.ฉัตรชัย ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม กล่าวเพียงว่า ได้เห็นในข่าวว่าเจ้าตัวแสดงความรับผิดชอบ ถือเป็นสิ่งที่ดีที่เมื่อทำผิด ก็รับผิดชอบ
เมื่อถามว่า มีใครทาบทามให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไปนั่งเป็นที่ปรึกษาพรรคการเมืองหรือไม่ พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า เท่าที่คุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยพูดเลย ไม่เคยได้ยิน
เมื่อถามว่าในฐานะเป็นประชาชนคนหนึ่ง สนับสนุนการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า ส่วนตัวยอมรับว่า พล.อ.ประยุทธ์ ทำงานหนัก และทุ่มเทกับประเทศมาโดยตลอด.-สำนักข่าวไทย