กรุงเทพฯ 22 ก.พ. – ผู้ว่าฯ ธปท.หนุนแบงก์พาณิชย์เดินหน้าตั้งแบงก์กิ้ง เอเย่น หวังให้ประชาชนเข้าถึงบริการการเงิน และหนุนแบงก์ทำเอทีเอ็มไม่แยกค่าย
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เปิดเผยกรณีที่ธนาคารพาณิชยจัดตั้งตัวแทนธนาคาร หรือแบงก์กิ้ง เอเย่น เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้รับบริการการเงินสะดวกและทั่วถึง ว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะจะทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการธนาคารในหลายพื้นที่มากขึ้น คล้ายกับการมีบริการอีแบงก์กิ้งหลายรูปแบบ อาทิ พร้อมเพย์ และโมบายแบงก์กิ้ง และ QR Cord ซึ่งแบงก์กิ้ง เอเย่น แต่ละแห่ง อาจทำหน้าที่ไม่เหมือนกัน เช่น บางแห่งรับชำระค่าสินค้าบริการ บางแห่งรับฝาก-ถอนเงิน ขึ้นอยู่กับยุทธศาสตร์ของแต่ละธนาคารที่จะปรับให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายและการมีแบงก์กิ้ง เอเย่น ช่วยทำให้ต้นทุนการบริการของธนาคารต่ำลง และสามารถให้บริการเข้าถึงประชาชนหลากหลายและทุกระดับมากขึ้น
ส่วนกรณีที่สมาคมธนาคารไทยหารือร่วมกัน เพื่อปรับปรุงระบบเอทีเอ็มให้เป็นรูปแบบไวท์ เลเบล หรือ เอทีเอ็มป้ายขาว ไม่มีการแบ่งแยกค่ายธนาคาร โดยมีเอทีเอ็ม 70,000 เครื่องทั่วประเทศที่สามารถรับบัตรของทุกธนาคารได้ ผู้ว่าฯ ธปท. มองว่า เป็นเรื่องที่ดี ที่ธนาคารพาณิชย์จะใช้ทรัพยากรในระบบการเงินร่วมกันเป็นการลดต้นทุนทางธุรกิจ ลดความซ้ำซ้อนในการมีเอทีเอ็มที่จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้
นอกจากนี้ ผู้ว่าฯ ธปท.ยังระบุถึงความคืบหน้าการออกหลักเกณฑ์การควบคุมการลงทุนในเงินสกุลดิจิทัล หรือคริปโตเคอเรนซี่ ว่า ยังอยู่ระหว่างการหารือร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะประเด็นทางกฎหมายที่มีความหลากหลายของแต่ละหน่วยงาน ดังนั้น จึงต้องมีการตีความและดูความสอดคล้องของกฎหมายแต่ละฉบับให้เหมาะสม ซึ่งอาจจะไม่ได้ใช้กฎหมายฉบับเดียวในการกำกับดูแล เพราะต้องมีผู้ดูแลหลายด้าน อย่างไรก็ตาม หากหลักเกณฑ์ดังกล่าวออกมา ธปท.จะยังคงขอความร่วมมือจากธนาคารพาณิชย์ให้ทำตามหนังสือเวียนที่ไม่ให้สถาบันการเงินทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอร์เรนซี่ เพราะมองว่าสถาบันการเงินมีหน้าที่ดูแลเงินฝากของประชาชน จึงไม่ควรเข้าไปข้องเกี่ยวกับตราสารที่มีความเสี่ยงสูง และยังไม่มั่นใจในกลไกที่อยู่เบื้องหลังของการขึ้นลงของราคา ดังนั้น จึงต้องการให้ธนาคารพาณิชย์หลีกเลี่ยง เช่นเดียวกับต่างประเทศที่ขอความร่วมมือดังกล่าวเช่นกัน. – สำนักข่าวไทย