เฟดคัพไทยต้านไม่ไหว พ่าย ญี่ปุ่น

อินเดีย 7 ก.พ.-เฟดคัพไทยต้านไม่ไหวแพ้ญี่ปุ่นนัดแรก “ลักษิกา” ขอสู้ใหม่แมทช์หน้าชนไต้หวัน


การแข่งขันเทนนิสชิงแชมป์โลก ประเภททีมหญิง “เฟดคัพ” ปี 2018 โซนเอเชีย/โอเชียเนีย กลุ่ม 1 ที่คานนา เทนนิส สเตเดี้ยม กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เริ่มวันแรก เมื่อวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยเป็นการแข่งขันนัดแรกรอบพบกันหมดในสาย ซึ่งทีมไทย อยู่สาย บี นัดแรกเจอ ญี่ปุ่น ทีมเต็ง 1ของสาย

ก่อนที่จะเริ่มแข่งขัน เจ้าภาพ อินเดีย ได้จัดให้มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ โดยให้นักกีฬาทั้ง 8 ประเทศ ประกอบด้วย คาซัคสถาน จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ ฮ่องกง ไทย และ อินเดีย เดินพาเหรดลงสนามเพื่อเป็นการแนะนำทีมในช่วงสั้นๆ


จากนั้นเข้าสู่การแข่งขัน ทีมไทย พบ ญี่ปุ่น ในสนามหมายเลข 2 โดยคู่แรก เดี่ยวมือ 2 ลงหวด “เอิร์ธ” เพียงธาร ผลิพืช มือ 224 ของโลก พบ คุรุมิ นาระ มือ 102 ของโลก ซึ่งคู่นี้เคยดวลแร็กเกตกันมาแล้ว 1 ครั้งในการแข่งขันบนสนามดิน ที่พอร์ตแลนด์ สหรัฐอเมริกา ปี 2013 รอบแรก เพียงธาร แพ้ 3-6, 3-6

ส่วนครั้งนี้ เซตแรก นาระ อาศัยการหวดสโตรกได้เหนียวแน่น ดักสวนกลับเร็ว และเล่นแบบเปิดคอร์ตรอจังหวะ เพียงธาร เปิดช่องโหว่แล้วคอยชิงหวดวินเนอร์เก็บแต้มได้ตลอดก่อนชนะขาด 6-0 เซตสอง เพียงธาร ถูกเบรกในเกม 2 แต่จากนั้นก็พยายามที่จะวางบอลสั้น-ยาวสลับกัน และ บีบให้คู่แข่งต้องเคลื่อนที่มากขึ้น ซึ่งก็ได้ผล สาวไทยรักษาเกมเสิร์ฟในเกม 4 และ เกม 6 ไล่ตาม 2-4 นาระ ยังไม่พลาดเกมเสิร์ฟขยับนำ 5-2 เกมต่อมา เพียงธาร พลาดถูกเบรก ทำให้แพ้ไป 2-6 ส่งผลให้ เพียงธาร แพ้ 0-2 เซต 0-6, 2-6 ทำให้ไทยตามญี่ปุ่น 0-1 คู่

คู่สอง เป็นการพบกันของเดี่ยวมือ 1 “ลัก” ลักษิกา คำขำ มือ 1 ไทย มือ 99 ของโลก พบกับ นาโอะ ฮิบิโนะ มือ 90 ของโลก ซึ่งคู่นี้เคยพบกันในศึกเทนนิสเฟดคัพ ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ปี 2016 โดยครั้งนั้น ลักษิกา แพ้ไป 1-2 เซต


เปิดฉากเซตแรก ลักษิกา ออกสตาร์ทได้ดีชิงจังหวะบุกกดดันจน ฮิบิโนะ มาพลาดเสิร์ฟดับเบิ้ลฟลอท์ในเกม 4 ทำให้ถูกเบรก ลักษิกา นำ 3-1 ฮิบิโนะเบรกคืน จี้ติด 2-3 ฮิบิโนะ มาพลาดเสิร์ฟดับเบิ้ลฟลอท์ถึง 2 ครั้งในเกมถัดมา ทำให้ ลักษิกา เบรกได้และขยับนำ 4-2 ทว่าเกมต่อมา ลักษิกา ถูกกดดันจากการวางบอลลึกของคู่แข่งทำให้เสียจังหวะและตีเสียเองหลายครั้งจนถูกเบรกกลับ แต่ยังนำอยู่ 4-3 สาวญี่ปุ่นรักษาเสิร์ฟตีเสมอ 4-4 และเบรกได้อีก ทำให้ ฮิบิโนะ พลิกมานำ 5-4 เกมต่อมา ฮิบิโนะ เล่นพลาด  ลักษิกา เบรกได้ ทำให้เสมอ 5-5 จากนั้น ลักษิกา เน้นเสิร์ฟหนัก สามารถรักษาเกมนี้ พลิกกลับมานำ 6-5  ฮิบิโนะ มาพลาดเสิร์ฟแรก เปิดโอกาสให้ ลักษิกา โจมตีได้ตลอดก่อนเบรกเกมนี้ ปิดเซตแรก ลักษิกา ชนะ 7-5

เซตสอง ลักษิกา ออกนำ 3-0 จากนั้น ผลัดกันรักษาเสิร์ฟ ลักษิกา นำ 4-1 สาวญี่ปุ่นเสิร์ฟได้ไล่ตาม 2-4 ฮิบิโนะเบรกเสิร์ฟได้ไล่จี้ติด 3-4 แต่ ลักษิกา ก็ขยับนำอีก 5-3 จากการเบรกเสิร์ฟคืนได้ และเกมต่อมา ลักษิกา พลาดถูกเบรก แต่ยังนำ 5-4 ฮิบิโนะ รักษาเสิร์ฟตีเสมอ 5-5 แต่เกมต่อมา ลักษิกา เสิร์ฟได้ดีทำให้มีโอกาสบุกทำคะแนนได้ตลอดจนรักษาเสิร์ฟได้ขึ้นแท่นนำ 6-5 แต่สาวญี่ปุ่นก็ไล่ตีเสมอ 6-6 ต้องตัดสินด้วยไทเบรกและเป็นสาวญี่ปุ่นที่กลับมาคว้าชัย 7-6 ไทเบรก 7-5 เสมอ 1-1 เซต

และเซตสาม ฮิบิโนะ กลับมาเล่นด้วยความมั่นใจเต็มที่ ขณะที่ ลักษิกา พยายามที่จะกลับมาอยู่ในเกมแต่ดูเหมือนว่าไม่เป็นใจ เสียแต้มง่ายจากการตีผิดพลาดของตัวเองไปหลายครั้งทำให้ถูกเบรกเสิร์ฟตลอด ก่อนแพ้ขาด 0-6 ส่งผลให้ ลักษิกา แพ้ 1-2 เซต 7-5, 6-7(5-7), 0-6

ขณะที่ประเภทคู่ ไทยส่ง “อีฟ” ณิชาต์ เลิศพิทักษ์สินชัย ลงคู่กับ “เอิร์ธ” เพียงธาร ผลิพืช ขณะที่ญี่ปุ่น ส่ง มิยู กาโตะ กับ มาโกโตะ นิโนมิยะ ลงสนาม ซึ่งผลปรากฎว่า คู่นักหวดไทยไม่สามารถต้านคู่ญี่ปุ่นที่มีประสบการณ์การเล่นเหนือกว่าได้พ่าย 0-2 เซตด้วยสกอร์ 3-6 และ 3-6 ส่งผลให้ ทีมไทย แพ้ ญี่ปุ่น 0-3 คู่ ส่วนการแข่งขันวันที่ 8 ก.พ. ทีมไทย จะพบ ไต้หวัน ที่นัดแรก แพ้เกาหลีใต้ 0-3 คู่

หลังการแข่งขัน ลักษิกา กล่าวว่า เสียใจและเสียดายที่ไม่สามารถเก็บแต้มให้ทีมได้ทั้งที่มีโอกาส ได้เซตแรกและเซตสองนำ 6-5 ก็ยังปิดแมทช์ไม่ได้ และต้องยอมรับว่าแมทช์นี้ไม่ได้เล่นตามเกมตัวเองเท่าไหร่หลุดง่ายและตีเสียเองง่ายไปหน่อย ทั้งๆ ที่คู่แข่งเองวันนี้ก็เล่นไม่ได้ตามฟอร์มเท่าไหร่ในเซตแรกและเซตสองมีแกว่งๆ เหมือนกัน แต่พอมาเซตสามนี่ยอมรับอีกว่าคู่ต่อสู้เล่นได้ดีไม่หลุดไม่เสีย กลับมาอยู่ในเกมคืนฟอร์มได้และมีความมั่นใจ

ลักษิกา กล่าวว่า ปัญหาที่เจอในสนามก็คือสภาพลมที่แรงและพื้นคอร์ตที่ไม่เรียบทำให้ลูกบอลตีออกไปก็จับจังหวะยาก ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่อยากเอามาใช้เป็นจุดที่ทำให้แพ้เพราะคู่แข่งเองก็ต้องเจอสภาพเดียวกันแต่สาเหตุที่แพ้มองว่าเป็นเพราะตัวเองมากกว่า ส่วนแมทช์ต่อไปเจอกับไต้หวัน ในวันที่ 8 ก.พ. ก็หนัก แต่ก็จะพยายามแก้ตัวคว้าชัยชนะให้ทีมไทยให้ได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

เร่งเคลียร์ซากสะพานลอยถล่ม ขวางถนนสาย 317 จันทบุรี-สระแก้ว

จันทบุรี 23 ส.ค.- เร่งเคลียร์ซาก! เหตุสะพานลอยคอนกรีตที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง พังถล่มขวางถนนสาย 317 จันทบุรี-สระแก้ว ส่งผลเช้านี้การจราจรติดขัดสะสม คาดเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท เมื่อเวลาประมาณ 22.20 น. ที่ผ่านมา พื้นที่ก่อสร้างสะพานลอยข้ามถนนสาย 317 จันทบุรี-สระแก้ว ระหว่างฝั่งขาเข้าเมือง บ้านมะทาย ต.ปัถวี ข้ามไปยังตลาดกลางเทศบาลตำบลมะขามเมืองใหม่ อ.มะขาม จ.จันทบุรี กล้องวจรปิดร้านขายของชำบันทึกภาพวินาทีระทึก  ขณะคานสะพานพังถล่ม โดยยังมีคนงานเดินอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุหลายสิบคน โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ จากการตรวจสอบความเสียหายในที่เกิดเหตุ เบื้องต้นพบรถเทรลเลอร์ 1 คัน และรถเครนของบริษัทรับเหมาเอกชนอีก 1 คัน ถูกคานสะพาน คอนกรีตที่หนักรวมกว่า 116 ตัน ถล่มลงมาทับพังเสียหาย กีดขวางการจราจรทั้งขาเข้าและขาออก เบื้องต้นกรมทางหลวงซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบ ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้รับเหมา เร่งดำเนินการใช้แยกคอนกรีตตัดคานสะพานออก เพื่อง่ายต่อการเคลียร์เส้นทาง เนื่องจากเป็นถนนสายหลัก ส่วนมูลค่าความเสียหายคาดไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท สอบถามเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง ทราบข้อมูลเบื้องต้นว่าสะพานลอยแห่งนี้ มีรูปแบบการก่อสร้างประกอบด้วย เสาเตาหม้อคอนกรีตเสริมเหล็กจำนวน 2 ต้น มีความกว้างของทางเดินบนสะพาน 2.4 เมตร พร้อมราวจับและหลังคายาวตลอดทางเดินราว 36 เมตร ซึ่งครอบคลุมบันไดทั้งขาขึ้นและลง […]

อัญเชิญ “พระบรมรูป ร.7” องค์ใหม่ ประดิษฐานอาคารรัฐสภา

รัฐสภา 23 ส.ค.- อัญเชิญ “พระบรมรูปรัชกาลที่ 7” องค์ใหม่ ประดิษฐานอาคารรัฐสภา ใหญ่กว่าพระองค์จริง 4 เท่า สูง 7.7 เมตร ด้าน “วันนอร์” คาดแล้วเสร็จ พ.ค.69 เตรียมหารือ สนว. จัดพระราชพิธีเปิดฯ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 นายศิโรจน์ แพทย์พันธุ์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร พร้อมข้าราชการรัฐสภา ถวายราชสักการะพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าอยู่หัว องค์ใหม่ พระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ และเครื่องประกอบ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนขึ้นประดิษฐาน หน้าอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ นายวันมูหะมัดนอร์ ยังระบุว่า การก่อสร้างและอัญเชิญพระบรมรูป จะแล้วเสร็จในช่วงเดือนพฤษภาคม 2569 โดยจะมีการหารือกับสำนักพระราชวัง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการจัดพระราชพิธีเปิดพระบรมรูปต่อไป ซึ่งวันนี้ต้องทำให้เกิดความสง่างาม รวมทั้งปรับภูมิทัศน์บริเวณโดยรอบ พร้อมย้ำว่าการดำเนินการดังกล่าว มีการติดตามรับผิดชอบจากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักงานกลาง […]

มท.2 พบทหารเขมรดักซุ่มเนิน 350 ก่อนเจอทุ่นระเบิด PMN-2

23 ส.ค.- กองทัพภาคที่ 2 อัปเดตสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พบทหารเขมร BHQ ดักซุ่มเนิน 350 ตรวจการณ์ฝ่ายไทย ก่อนเจอทุ่นระเบิด PMN-2 เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 เวลา 16.00 น. ทหารฝ่ายไทยได้ตรวจพบทหารฝ่ายกัมพูชา ประมาณ 2–3 นาย คาดว่าเป็นหน่วย BHQ เนื่องจากมีการสวมหมวกทรง FAST สีดำ และได้กระทำการดักซุ่มตรวจการณ์ฝ่ายไทย บริเวณทิศตะวันตก เนิน 350 ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ห่างจากแนวเส้นปฏิบัติการเข้ามาฝั่งไทยประมาณ 100 เมตร ขณะเข้าทำการตรวจสอบพื้นที่ หน่วยได้ตรวจพบ ทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณจุดที่พบทหารกัมพูชาดักซุ่ม จำนวน 1 ทุ่น หน่วยจึงได้ใช้เครื่องตรวจทุ่น ตรวจสอบพื้นที่โดยละเอียด และได้ทำเครื่องหมาย เพื่อรอรับการสนับสนุนชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดดำเนินการต่อไป จากสถานการณ์ดังกล่าวยืนยันได้ว่า ฝ่ายกัมพูชายังคงลักลอบใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในพื้นที่อธิปไตยของไทย ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและละเมิดสนธิสัญญาออตตาวาอย่างต่อเนื่อง ทหารฝ่ายไทยยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมปกป้องอธิปไตยของชาติ […]

ดีเปรสชันทะเลจีนใต้ทวีกำลังเป็น “พายุโซนร้อนคาจิกิ”

กรุงเทพฯ​ 23 ส.ค.​ – กรม​อุตุฯ ​เผยเช้า​นี้​ “ดีเปรสชัน” ทะเลจีนใต้ตอ​นบน ​ทวีกำลังเป็น “พายุโซนร้อนคาจิกิ” แล้ว​ คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน ช่วง 25–26 ส.ค.นี้ ส่งผลกระทบไทยตั้งแต่พรุ่งนี้ (24 ส.ค.) เป็นต้นไป นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน​ “คาจิกิ” มีแนวโน้มเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนประมาณ​วันที่​ 25​ -​26​ สิงหาคม​ ก่อนเข้าสู่สปปลาวและภาค​ตะวันออก​เฉียง​เหนือ​ของ​ไทย​ หลังจาก​ขึ้นฝั่ง​ที่​เวียดนาม​ คาดว่า​พายุ​โซน​ร้อน​จะอ่อนกำลัง​ลง​ โดยเมื่อเข้า​สู่ภาคตะวันออก​เฉียง​เหนือ​ของ​ไทย​จะเป็​นหย่อม​ความกดอากาศ​ต่ำ​ แต่ยังคงส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นหลายพื้นที่ โดยเส้นทางพายุใกล้เคียงกับพายุ “วิภา” ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ จากอิทธิพลของพายุ “คาจิกิ” ร่วมกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังแรงขึ้น ประเทศไทยจะมีฝนตกเพิ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 24–27 สิงหาคม 2568 โดยจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ครอบคลุมหลายภาค ได้แก่​ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน​ ภาคเหนือ​ ภาคกลางภาคตะวันออก​ ภาคใต้ฝั่งตะวันตก รวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ทั้งนี้ คาดว่า​ […]