เอสเอ็มอีแบงก์ลุยสินเชื่อรายย่อย หลังออกแผนฟื้นฟู

กรุงเทพฯ 22 ม.ค. – กระทรวงอุตสาหกรรมมุ่งช่วยเอสเอ็มอีตัวเล็ก  เตรียมทุน 78,000 ล้านบาท ดันเอสเอ็มอีแบงก์ลุยสินเชื่อรายย่อย หลังซุปเปอร์บอร์ดเห็นชอบให้ออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ  


นายสมชาย  หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า  หลังคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เห็นชอบให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็อีแบงก์) ออกจากแผนฟื้นฟู  จึงเตรียมแผนช่วยเหลือและพัฒนาผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) 4.0 ในปี 2561  โดยร่วมมือกับหลายหน่วยงานช่วยเหลือเอสเอ็มอี ผ่านสินเชื่อใหม่ 3 โครงการ เตรียมวงเงิน  78,000 ล้านบาท ทยอยออกในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ประกอบด้วย  สินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน (Local Economy Loan) วงเงิน 50,000 ล้านบาท สินเชื่อเพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องจักรระยะที่ 2 (Transformation Loan) วงเงิน 20,000 ล้านบาท เป็นโครงการร่วมกับแบงก์รัฐและแบงก์พาณิชย์ช่วยเหลือเอสเอ็มอี  และโครงการฟื้นฟูและเสริมสร้างศักยภาพเอสเอ็มอีคนตัวเล็ก (Micro SMEs) วงเงิน 8,000 ล้านบาท พร้อมออกมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.S) สำหรับเอสเอ็มอี คงคุณภาพสินค้าตามความต้องการของตลาด  เพื่อบุกตลาดประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น รวมทั้งสนับสนุนเกษตรแปรรูป การท่องเที่ยวชุมชน 

นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ เอสเอ็มอีแบงก์ กล่าวว่า หลังจากออกจากแผนฟื้นฟูฯ เพื่อก้าวต่อไปและไม่กลับสู่ปัญหาเหมือนอดีตที่ผ่านมา ครม.กำหนดเป้าหมายให้มุ่งเน้นปล่อยสินเชื่อ วงเงินสูงสุดไม่เกิน 15 ล้านบาท  และปรับองค์กรให้เป็น “M SME Development Bank” โดยตัว “M” มาจากคำว่า “Micro”  เพื่อสนับสนุนกลุ่ม “จุลเอสเอ็มอี” หรือผู้ประกอบการรายย่อยคนตัวเล็กในชุมชน  การปล่อยสินเชื่อจากเอสเอ็มอีแบงก์จากนี้ไป จึงเน้นรายย่อยไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อรายมากขึ้น จากเดิมเน้นไม่เกิน 5,15 ล้านบาท  จึงคาดว่าเป้าหมายสินเชื่อเอสเอ็มอีตัวเล็ก  เพื่อเกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ กระจายรายได้ไปทั่วประเทศ  สำหรับเอสเอ็มอีแบงก์เตรียมแพคเกจสินเชื่อเพื่อรายย่อยวงเงินรวม 70,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 3 โครงการ  ได้แก่ โครงการสินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน วงเงิน 50,000 ล้านบาท เน้นช่วยเหลือธุรกิจท่องเที่ยว ท่องเที่ยวชุมชน และเกษตรแปรรูป วงเงินกู้ไม่เกิน 5 ล้านบาท 3 ปีแรก คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปี ฟรีค่าธรรมเนียม บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) 4 ปีแรก  


โครงการฟื้นฟูและเสริมศักยภาพวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สำหรับเอสเอ็มอีคนตัวเล็ก วงเงิน 8,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 1 และสินเชื่อ Factoring วงเงิน 12,000 ล้านบาท กู้ต่อรายไม่เกิน 15 ล้านบาท โดยมีโปรโมชั่น  7:1:0 โดย 7 ตัวแรก คือ พร้อมอนุมัติสินเชื่อภายใน 7 วัน , 1 คือ เบิกจ่ายภายใน 1 วัน และ 0 คือ ฟรีค่าธรรมเนียมเรียกเก็บหนี้   การมุ่งช่วยเหลือเกษตรกรจะไม่ให้ซ้ำซ้อนกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพราะ ธ.ก.ส.ช่วยเหลือเกษตรภาคการผลิต ขณะที่เอสเอ็มอีแบงก์ต้องการส่งเสริมด้านเกษตรแปรรูป การตลาด  การสร้างมูลค่าเพิ่ม รวมทั้งผู้ประกอบการท่องเที่ยวชุมชน หากไม่มีหลักประกันส่งให้ บสย.ค้ำประกันสินเชื่อ คิดค่าธรรมเนียมร้อยละ 1.75 เป็นเวลา 4 ปี  เพราะต้องการมุ่งช่วยเหลือผู้มีโครงการแนวคิดดีมีศักยภาพ   ต้องการคุมยอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ไม่ให้เกินร้อยละ 0.25 ภายในปี 2561 ขณะที่สินเชื่อตั้งแต่อยู่ในแผนฟื้นฟูปี 2558-2560 จะคุมให้ไม่เกินร้อยละ 5 คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีสินเชื่อคงค้าง 150,000 ล้านบาท  

สำหรับแผนส่งเสริม  “ไมโครเอสเอ็มอี” ผลักดันรายได้สู่ท้องถิ่น การนำหน่วยรถม้าเติมทุนกว่าพันคัน กระจายลงพื้นที่ เพื่อบริการเคลื่อนที่ให้คำปรึกษา แต่ไม่ให้อนุมัติสินเชื่อเพื่อหวังเติมทุน เพื่อรับข้อมูลลูกค้า และยังขยายศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรม (ITC) ทั่วประเทศ 23 แห่ง ที่ปรึกษาแนะนำเชิงลึก และเชื่อมโยงเครือข่ายองค์กรสนับสนุนด้านต่าง ๆ  ร่วมกับหลายหน่วยงานให้คำที่ปรึกษา รับคำขอกู้เงิน แก้ไขปัญหาและส่งต่อเอสเอ็มอี โดยจะตั้งศูนย์ให้ได้ 270 แห่งทั่วประเทศที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม  ศูนย์บริการเอสเอ็มอี (OSS) ของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศ  เดินหน้าแผนโครงการ Big Brothers หรือโครงการพี่ช่วยน้อง เพื่อเชื่อมต่อเอสเอ็มอีสู่ห่วงโซ่การผลิตระดับโลก  อาทิ ปตท. เอสซีจี เดนโซ่ เดลต้า นิสสัน ฮอนด้า และโตโยต้า หวังปั้นเอสเอ็มอีเกษตรโดยมีเป้าหมายยกระดับเศรษฐกิจฐานรากชุมชนมีรายได้เพิ่มไม่น้อยกว่าร้อยละ 25  .- สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง