กรุงเทพ 4 มิ.ย. – ศาลล้มละลายกลาง นัดวินิจฉัยการบินไทย ยื่นคำร้องออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ 16 มิ.ย.นี้ หลังใช้เวลากว่า 5 ปี ในการเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ จนบรรลุแผน 4 ข้อ ดันกระแสเงินสดสะสมกว่า 1.28 แสนล้านบาท เตรียมกลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์อีกครั้ง ก.ค.นี้
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟู บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า วันนี้ศาลล้มละลายกลาง ได้นัดไต่สวนคำร้องของการบินไทย หลังจากได้ยื่นคำร้อง เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการไปเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา โดยล่าสุดศาลล้มละลายกลางได้ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนมีคำสั่งให้การบินไทย กลับมาฟังผลการวินิจฉัยชี้ขาดในวันที่ 16 มิถุนายนนี้ และถ้าหากมีการวินิจฉัยให้ออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ ทางการบินไทยจะมีการประชุมคณะกรรมการบริหาร (บอร์ดการบินไทย) ชุดใหม่ 11 คน เพื่อเลือกประธานกรรมการ และแต่งตั้งกรรมการตรวจสอบ หลังจากนั้นก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการกลับเข้าไปซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ต่อไป ตามข้อกำหนดของ กลต. เพื่อกลับเข้ามาเทรดอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะกลับมาซื้อขายหุ้นได้ในเดือนกรกฏาคมนี้
ปัจจุบันเป็นระยะเวลากว่า 5 ปีแล้วที่การบินไทยเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ทำให้ขณะนี้การบินไทยมีเงินสดในมือสะสมอยู่กว่า 1.28 แสนล้านบาท จากก่อนหน้าที่จะเข้าฟื้นฟู การบินไทยเผชิญภาวะขาดทุนต่อเนื่องสะสมถึง 6.6 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ การยื่นคำร้องขอเลิกแผนฟื้นฟูกิจการต่อศาลฯ เป็นไปตามการบรรลุผลในการดำเนินการสำเร็จครบทุกข้อ ซึ่งมีรายละเอียดของการดำเนินการสำคัญ 4 ประการ ได้แก่ ประการที่ 1 จดทะเบียนเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างทุน โดยเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2565 บริษัทฯ ได้ดำเนินการจดทะเบียนเพิ่มทุนจดทะเบียนต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างทุนตามที่กำหนดในข้อ 5.6 ของแผนฟื้นฟูกิจการ
ประการที่ 2 ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการ โดยไม่เกิดเหตุผิดนัด บริษัทฯ ยืนยันว่าตั้งแต่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการ จนถึงปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการโดยไม่เกิดเหตุผิดนัดใด
ประการที่ 3 บริษัทฯ มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จากการดำเนินงานหลังหักเงินสดสำรองตามสัญญาเช่าเครื่องบิน ในช่วง 12 เดือนก่อนที่จะยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลาง ไม่น้อยกว่า 20,000 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้นตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ เป็นบวก โดยส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ตามที่ปรากฏในงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ฉบับตรวจสอบสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567 มีจำนวน 45,495 ล้านบาท
ประการที่ 4 มีการแต่งตั้งกรรมการใหม่ ภายหลังจากมีการปรับโครงสร้างทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการ เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2568 ซึ่งเป็นการประชุมผู้ถือหุ้นที่จัดขึ้นตามข้อกำหนดของแผนฟื้นฟูกิจการ และเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 บริษัทฯ ได้ดำเนินการจดทะเบียนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในเรื่องดังกล่าวกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว.-513-สำนักข่าวไทย