กรุงเทพฯ 17 เม.ย. – การบินไทย เลือกบอร์ดใหม่พรุ่งนี้ เตรียมยื่นออกจากแผนฟื้นฟู ด้านผู้บริหารแผนฯ ยืนยันการบินไทยฟื้นแล้ว พัฒนาคุณภาพและบริการ-ซื้อเครื่องบินใหม่ ตั้งเป้าติดสายการบิน TOP 10 จากกว่า 200 สายการบินทั่วโลก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) แจ้งกำหนดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2568 ซึ่งจัดขึ้นตามข้อกำหนดของแผนฟื้นฟูกิจการ ในวันพรุ่งนี้ (18 เม.ย.) เวลา 13.00 น. โดยเป็นการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-Meeting) โดยจะมีการแต่งตั้งกรรมการ (บอร์ด) ชุดใหม่เพื่อเข้ามาบริหารนโยบายของบริษัท หลังออกจากฟื้นฟูกิจการ โดยเสนอรายชื่อให้ผู้ถือหุ้นรับรอง กำหนดจำนวนว่าจะมี 11 ราย หรือ 12 ราย ซึ่งจะเป็นกรรมการชุดเดิมที่มีวาระเหลืออยู่ 1 ปี ประกอบด้วย นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์, นายชาญศิลป์ ตรีนุช และพลอากาศเอก อำนาจ จีระมณีมัย และกรรมการเข้าใหม่จำนวน 8 ราย หรือ 9 ราย ตามแต่จำนวนกรรมการที่ประชุมผู้ถือหุ้นลงมติอนุมัติ โดยรายนามกรรมการเข้าใหม่ที่เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาเลือกตั้ง ประกอบด้วย กรรมการจำนวน 6 ราย และกรรมการอิสระ 3 ราย
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร กรรมการและผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การบินไทยเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการในปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่เกิดสถานการณ์โควิด ได้รับความร่วมมือและกำลังใจจากทุกฝ่ายทั้งพนักงาน ผู้บริหารแผน เจ้าหนี้ และหน่วยงานต่างๆ โดยการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูมี 4 เงื่อนไข ประกอบด้วย 1.จดทะเบียนเพิ่มทุนเพื่อรองรับการปรับโครงสร้างทุน 2.ไม่ผิดนัดชำระหนี้ 3.EBITDA ไม่น้อยกว่า 2 หมื่นล้านบาทในรอบ 12 เดือนย้อนหลัง และมีส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นบวก และ 4. การแต่งตั้งกรรมการใหม่ ที่จะมีการเสนอรายชื่อให้ผู้ถือหุ้นรับรองใน การประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น วันที่ 18 เม.ย.นี้
ทั้งนี้ ภายหลังจากบริษัทได้รับมติอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นแล้ว และได้รับอนุญาตจากศาลล้มละลายกลางแล้ว บริษัทจะดำเนินการจดทะเบียนการเปลี่ยนแปลงจำนวนกรรมการ และการแต่งตั้งจดทะเบียนกรรมการใหม่ ก่อนที่จะดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อขอยกเลิกการฟื้นฟูกิจการต่อไป หลังจากนั้นกรรมการบริษัทจะเป็นตัวแทนผู้ถือหุ้นในการบริหารกิจการต่อไป ส่วนผู้บริหารแผน เจ้าหนี้ จะหยุดปฎิบัติหน้าที่
นายชาญศิลป์ ยืนยันว่าขณะนี้การบินไทยฟื้นแล้ว โดยมีส่วนสำคัญในการนำนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยมากกว่า 12-15 ล้านคน มีส่วนช่วยทำให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโต โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ขณะที่ธุรกิจคาร์โก้ สร้างมูลค่าหลักพันล้านบาทต่อเดือน ซึ่งการบินไทยมีคลังสินค้า ขณะที่ธุรกิจขนส่งทางอากาศมีการขยายตัว ซึ่งการบินไทยพร้อมขยายธุรกิจด้านนี้หากมองเห็นโอกาส ส่วนธุรกิจการบิน มีการปรับปรุงเครื่องบินที่มีอยู่เดิม อาทิ เก้าอี้โดยสาร รวมถึงการจัดหาเครื่องบินใหม่เสริมฝูงบิน โดยเน้นเส้นทางบินที่ยังสามารถแข่งขันได้ นอกจากนี้ ยังพิจารณาโอกาสธุรกิจซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) โดยการบินไทยมีการพัฒนาทั้งสนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ และกำลังพิจารณาที่สนามบินอู่ตะเภาอีกด้วย การบินไทยมีรายได้เฉลี่ย 1.7 – 2 แสนล้านบาทต่อปี โดยปี 2566 มีกำไร 28,000 ล้านบาท ส่วนปี 2567 มีกำไร 20,000 ล้าน บาท มองว่าเป็นตัวเลขที่เหมาะสม
“ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และธุรกิจการบินที่มีการแข่งขันสูง เราพิจารณาเส้นทางบิน 3 แบบ คือ เส้นทางบินที่มีกำไร และยอดขายที่ดี ส่วนเส้นทางที่บินแล้วยังปริ่มๆ เลือกวิธีลดค่าใช้จ่าย และเส้นทางบินที่ขาดทุนซ้ำซากก็ยกเลิกไป เพื่อให้การบินไทยยังสามารถดำเนินธุรกิจและพึ่งพาตัวเองได้” นายชาญศิลป์ กล่าว
สำหรับแผนงานในอนาคต ยอมรับว่าจำนวนเครื่องบินขึ้นอยู่กับดีมานด์ โดยระยะสั้น ต้องรักษาเครื่องบินเดิม เนื่องจากช่วงโควิด ซัพพลายเชนด์อะไหล่มีปัญหา เครื่องบินใหม่ผลิตไม่ทันเพราะออเดอร์เยอะมาก ระหว่างนี้เราจะทำอย่างไรจึงจะรักษายอดขายได้ ส่วนระยะกลาง และระยะยาว คือการใช้เครื่องบินใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ประหยัดน้ำมัน โดยจะเริ่มทยอยเข้ามาให้บริการช่วงปลายปีนี้ และอีก 3 ปี ข้างหน้า รวมทั้งจะปลดระวางเครื่องเก่าที่ใช้งานมานานแล้ว รวมถึงหาเส้นทางบินใหม่ ทั้งนี้ มองว่าในอนาคตจำนวนเครื่องบินที่เหมาะสมสำหรับการบินไทยอยู่ที่ 100-120 ลำ โดยตั้งเป้าการบินไทยเป็นสายการบินที่ติด TOP 10 -ด้านคุณภาพและบริการ จากสายการบินที่มีอยู่ทั่วโลกมากว่า 200 การบิน -516-สำนักข่าวไทย