กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – ศาลล้มละลายกลาง มีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หลังเข้าแผนฟื้นฟู 4 ปี พร้อมประชุมตั้งประธานบอร์ดฯ บ่ายนี้ เผยเตรียมกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายใน ส.ค.68
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการและอดีตประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วันนี้ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของบริษัท การบินไทย หลังจากที่บริษัทฯ ได้ยื่นคำร้องขอยกเลิกการฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ภายหลังประสบความสำเร็จในการดำเนินการตามเงื่อนไขของแผนฟื้นฟูกิจการ ครบ 4 ข้อ ได้แก่ (1) การจดทะเบียนเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างทุน (2) การดำเนินการตามแผนฟื้นฟู โดยไม่เกิดเหตุผิดนัด (3) การมี EBITDA หลังหักค่าเช่าเครื่องบินตามงบเฉพาะกิจการย้อนหลัง 12 เดือนประมาณ 40,308ล้านบาท (เดือน เมษายน ปี 2567 ถึง มีนาคม ปี 2568) ซึ่งสูงกว่าที่กำหนดไว้ที่ 20,000 ล้านบาทอย่างมีนัยสำคัญและมีส่วนของผู้ถือหุ้นตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ เป็นบวกจากการปรับโครงสร้างทุน และ (4) ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการใหม่เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 พร้อมเดินหน้าขออนุญาตหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องเพื่อนำหุ้นของการบินไทยกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์อีกครั้ง โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนกรกฏาคมหรือต้นเดือนสิงหาคมนี้
“เรามั่นใจว่าแม้สภาวะตลาดหุ้นไทยจะไม่ค่อยดีนัก หากเทียบกับช่วงที่เราขายหุ้นเพิ่มทุน แต่ผบประกอบการที่เป็นบวกจะทำให้นักลงทุนมั่นใจ และหลังกลับเข้าเทรดในตลาดหุ้นยังคง Lock-up ห้ามเจ้าหนี้ที่แปลงหนี้เป็นทุนขายหุ้นที่ได้รับจากการแปลงหนี้เป็นระยะเวลา 1 ปี และ 6 เดือนหลังเปิดเทรด จะสามารถขายได้ครึ่งหนึ่ง“ นายปิยสวัสดิ์กล่าว
โดยตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ดำเนินมาตรการสำคัญตามแผนฟื้นฟื้นฟูกิจการสำเร็จลล่วงในด้านต่าง ๆ อาทิ การปรับโครงสร้างและขนาดองค์กรให้เหมาะสมเพื่อเพิ่มความคลองตัว การขยายเครือข่ายเส้นทางบินให้ครอบคลุมภูมิภาคต่างๆ การปรับปรุงฝูงบินและห้องโดยสาร การพัฒนาระบบดิจิทัลและยกระดับมาตรฐานการให้บริการในทุกจุด อาทิ ช่องทางการสำรองที่นั่งและออกบัตรโดยสารผ่านเว็บไซต์และโมบายแอพพลิเคชั่น ห้องรับรองพิเศษ การบริการระหวางเที่ยวบิน รวมถึงไปรแกรมสะสมไมลรอยัล ออรคิด พลัส ฯลฯ ทั้งนี้ เพื่อยกระดับการบินไทยสู่การเป็นสายการบินชั้นนำในภูมิภาคในการเชื่อมต่อเที่ยวบินโดยมีกรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลาง ตลอดจนการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในมิติต่างๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างรายได้ ควบคุมต้นทุน รวมถึงการเพิ่มความรวดเร็วและคล่องตัวในการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าและการแข่งขันในอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เสริมความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงิน ผ่านกระบวนการการแปลงหนี้และดอกเบี้ยตั้งทักของเจ้าหนี้เป็นทุน และเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นก่อนการฟื้นฟูกิจการและพนักงานของบริษัทฯ ซึ่งทำไห้ส่วนผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 กลับเป็นบวกที่ 55,221 ล้านบาท จากเดิมที่ติดลบเป็นจำนวน 127,235 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2563 และบริษัทฯ ยังสามารถทำกำไรจากการดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่องทุกไตรมาสตั้งแต่ปี 2566 รวมทั้งยังยังเป็นสายการบินที่มีอัตรากำไรจากการดำเนินงานสูงสุด 3 อันดับแรกของโลกติดต่อกันในช่วง 2 ไตรมาสล่าสุดจากการจัดทำข้อมูลโดย Airline Weekly
ทั้งนี้ ในส่วนของการชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการ จากมูลหนี้ที่เจ้าหนี้จำนวนกว่าหนึ่งหมื่นรายยื่นขอรับชำระหนี้ ณ วันที่บริษัทฯ ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางในเดือนพฤษภาคม 2563 โดยมีมูลหนี้รวมกว่าสี่แสนล้านบาทนั้น ปัจจุบัน การบินไทยมีภาระหนี้ที่จะต้องชำระให้แก่เจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการตามคำสั่งถึงถึงที่สุดให้ได้รับชำระหนี้ ประมาณ 189,578 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ได้ทยอยชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ที่ได้รับคำสั่งถึงถึงที่สุดให้ได้รับชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ จนถึงไตรมาส 1 ของปี 2568 บริษัทฯ ได้ชำระหนี้ไปแล้ว ทั้งสิ้นประมาณ 94,080 ล้านบาทโดยมีมูลหนี้คงเหลือที่ยังต้องชำระจนถึงปี 2579 ประมาณ 95,498 ล้านบาท
ตอนนี้เราไม่ได้มีปัญหาสภาวะทางการเงิน ยังคงมีกำไรสะสม ไม่มีปัญหากระทบการจ่ายหนี้ และการจ่ายปันผล แต่การตัดสินใจขึ้นอยู่กับผู้ถือหุ้น ส่วนหนี้พนักงานยืนยันว่าจ่ายไปหมดแล้ว หนี้บัตรโดยสารหมดแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงหนี้เครื่องบิน การค้า หนี้หุ้นกู้ สถาบันการเงิน คาดว่าภายใน 2-3 ปีนี้จะจ่ายส่วนของหนี้การค้า และเช่าเครื่องหมด คงเหลือหนี้หุ้นกู้ กับสถาบัน ที่จะใช้เวลาจ่ายตามกำหนด 13 ปี
อย่างไรก็ดี หลังผู้บริหารแผนหมดวาระหน้าที่ลง ก็จะต้องส่งมอบงานให้กับบอร์ดชุดใหม่ ซึ่งจะต้องมีการส่งมอบทรัพย์สิน รายการทรัพย์สินของบริษัทเหมือนตอนที่ผู้บริหารแผนรับมาจากผู้ทำแผน ส่วนเรื่องกลยุทธ์การทำงาน แม้ว่าผู้บริหารจะกำหนดทิศทางของการบินไทยไว้แล้ว ทั้งส่วนของแผนธุรกิจ และการจัดหาเครื่องบิน แต่บอร์ดก็ยังสามารถปรับเปลี่ยนได้ แต่อะไรที่มีสัญญาไปแล้วปรับไม่ได้
ทั้งนี้ ในฐานะผู้บริหารแผนและบอร์ดการบินไทย ตนมีเป้าหมายผลักดันการบินไทยให้มีกำไรดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการแข่งขันในตลาดด้วย โดยสิ่งสำคัญของการทำธุรกิจอยู่ที่ EBITDA Margin เป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพในการทำกำไร ซึ่งตอนนี้การบินไทยเป็นสายการบินที่มีอัตรากำไรจากการดำเนินงานสูงสุด 3 อันดับแรกของโลกติดต่อกันในช่วง 2 ไตรมาสล่าสุด จากการจัดทำข้อมูลโดย Airline Weekly ขอให้รักษาระดับสูงไว้ เพราะหากไม่สูงจะทำอะไรก็ยาก และตนยังมั่นใจว่าปีนี้จะสามารถรักษา EBITDA ในระดับ 25,000 ล้านบาท ส่วนปัจจัยภายนอกอย่างสงครามอิหร่าน เป็นเหตุการณ์ที่ต่อเนื่อง การบินไทยยังไม่ได้มีผลกระทบอะไรนอกเหนือความคาดหมาย แต่มีผลกระทบต่อเส้นทางบินยุโรปบ้างที่ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนเส้นทาง แต่เหตุการณ์ตอนนี้ไม่ได้มีผลกระทบอะไร ส่วนปัจจัยราคาน้ำมัน พบว่าลงมาตลอด แม้เหตุการณ์สงครามนี้ทำให้ราคาขึ้น แต่ต่ำกว่าที่การบินไทยคาดการณ์ไว้ จึงไม่กระทบกับธุรกิจ
ส่วนปัจจัยอื่นๆ เช่น ภาษีทรัมป์วันนี้ก็ยังไม่เห็นผลกระทบ นักท่องเที่ยวจีนที่ยังไม่กลับมาเดินทางเช่นเดิมก็ไม่ได้รับผลกระทบมาก เพราะการบินไทยไม่ได้พึ่งพาตลาดจีนเป็นหลัก และยังพบว่าจีนมาใช้บริการเพื่อต่อเส้นทางบิน ส่วนกรณีที่กระทรวงคมนาคมจะฟื้นเส้นทางบินตรงไทย- สหรัฐ ขณะนี้การบินไทยไม่มีแผนจะกลับไปบิน เนื่องจากเครื่องบิน 150 ลำที่อยู่ในแผนธุรกิจ กำหนดไว้ตอนนี้เครื่องบินจะเอาไปเมืองเดิม เพิ่มความถี่ เป็นประโยชน์กับผู้โดยสารมากกว่า
นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความสำเร็จของการฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ เป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงความร่วมแรงร่วมใจด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเท อดทน และเสียสละของผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทฯ ทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น เจ้าหนี้ ผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู่ค้า อดีตพนักงาน และพนักงานปัจจุบันของบริษัทฯ ทุกคน ความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทฯ ในปัจจุบัน ตลอดจนพัฒนาการต่างๆ ที่บริษัทฯ ดำเนินการผ่านกระบวนการฟื้นฟูกิจการที่ผ่านมา จะเป็นพื้นฐานที่ดีสำหรับการต่อยอดความสำเร็จเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนทั้งในมิติทางธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในอนาคตต่อไป
หลังจากนี้ บริษัทฯ จะมุ่งมั่นสร้างการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ด้าน เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้โดยสาร ลูกค้า คู่ค้า ผู้ถือหุ้น ตลอดจนสังคมและชุมชนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ รวมทั้งมุ่งยกระดับศักยภาพการบินในระดับสากล และผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการเดินทางทางอากาศในระดับภูมิภาค เพื่อเป็นสายการบินที่คนในประเทศภาคภูมิใจ และสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว. -517-สำนักข่าวไทย