กทม.11 ม.ค.- ตำรวจสืบสวนภูธรภาค 6 เร่งคลี่คลายคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ย้ำตำรวจไม่ผิด”นิชา”แนะบัตรหายให้แจ้งความเป็นหลักฐานหากตำรวจไม่รับแจ้ง บอกผู้บังคับหรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พลตำรวจโททวิชชาติ พละศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 เปิดเผยว่า ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 6 ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบธนาคาร ที่มีข้อมูลว่าเป็นบัญชีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกรุงเทพฯ เพื่อสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง และหาพยานหลักฐานที่เป็นธุรกรรมทางการเงินว่าใครคือผู้ถอนเงินหรือกดเงินออกจากตู้เอทีเอ็มตัวจริง พร้อมทั้งออกหมายเรียก นางสาวขวัญ ทองน้อย และนายธีระภัทร นนท์งามวงษ์ มาให้ปากคำในฐานะผู้ถูกกล่าวหา หลังตำรวจพบว่าทั้งคู่มีชื่อในการเปิดบัญชีรับเงินจากผู้เสียหาย รวมทั้งนางสาวนิชา เกียรติธนะไพบูลย์ ที่ออกมาเรียกร้องว่าถูกตำรวจ สภ.บ้านตาก จังหวัดตาก ดำเนินคดีก่อนหน้านี้ ทั้งที่ไม่มีส่วนรู้เห็น แต่ต้องหาพยานหลักฐานให้รอบคอบ ป้องกันความผิดพลาด กรณีนางสาวนิชา ขอย้ำว่า พนักงานสอบสวนทำตามขั้นตอนเพราะออกหมายเรียกไปถึง 2 ครั้ง แต่นางสาวนิชาไม่เข้ามาชี้แจง ทำให้ต้องออกหมายจับ หากตำรวจไม่ดำเนินการ ถือว่าละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ อย่างไรก็ตาม หากพบพยานหลักฐาน ยืนยันความบริสุทธิ์นางสาวนิชา ก็จะสรุปสำนวนมีความเห็นไม่สั่งฟ้อง แต่ตลอดเวลาที่เป็นคดีความนางสาวนิชา กลับไม่นำหลักฐานทั้งภาพวงจรปิด หลักฐานการแจ้งความบัตรประชาชนหาย เข้าชี้แจงกับตำรวจ แต่กลับไปปรากฎตามสื่อต่างๆแทน จากนี้พนักงานสอบสวนจะเรียกนางสาวนิชาเข้าให้การเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ก็จะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการทำงานแต่ละขั้นตอนของตำรวจที่ทำงานว่ามีความบกพร่องในการรวบรวมพยานหลักรวมทั้งขั้นตอนการออกหมายเรียกแล้วนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขัง ส่วนนางสาวนิชา จะร้องให้ตรวจสอบการทำงานของตำรวจนั้น ยินดีให้ตรวจสอบได้อย่างเต็มที่ และฝากเตือนประชาชนหากบัตรประชาชนหรือเอกสารราชการสูญหายควรเข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐานหากเกิดกรณีต้องการความชัดเจน หากตำรวจไม่รับแจ้งความให้ร้องเรียนผู้บังคับบัญชาและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ.-สำนักข่าวไทย
![](https://imgs.mcot.net/images//2018/01/1515668550714.jpg)