“โรม” ร้องรัฐบาลคุมเข้มท่าข้ามชายแดน สกัดคอลเซ็นเตอร์

รัฐสภา 13 ก.พ.-“รังสิมันต์ โรม” เรียกร้องรัฐบาลคุมเข้มท่าข้ามชายแดน สกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังพบความหละหลวม 59 ท่าข้ามฝั่งแม่สอด

นายรังสิมันต์ โรม ประธานกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ แถลงภายหลังการประชุมที่วันนี้ได้มีการพิจารณาถึงผลกระทบด้านความมั่นคง กรณีปัญหาท่าข้ามชายแดน ที่มีความเชื่อมโยงกับประเด็นปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และยาเสพติดตามแนวชายแดน โดยเห็นว่าปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่ใช่มีเพียงเรื่องของไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต และน้ำมัน แต่พบว่ามีสิ่งหนึ่งที่เอื้ออำนวยกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก็คือท่าข้ามทั้ง 59 ท่า ซึ่งที่ จ.ตาก มีท่าข้ามมากที่สุดในประเทศไทย ทั้งนี้ เห็นว่าท่าข้ามเป็นปัญหา เพราะเป็นจุดในการส่งสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ การส่งสินค้าและสิ่งของต่างๆ ไปยังเมืองเมียวดี และฝั่งตรงกันข้าม 60% เป็นการส่งผ่านท่าข้าม


นายรังสิมันต์ ยังกล่าวว่า ในวันนี้ ทางสภาความมั่นคงฯ ก็ให้ข้อมูลว่า การเปิดท่าข้ามต้องเปิดในกรณีจำเป็น และเป็นกรณีชั่วคราว แต่ข้อเท็จจริงพบว่า ท่าข้ามทั้ง 59 ท่า เปิดมาเป็นเวลานานแล้ว โดยหลังโควิดมีการเปิดเพิ่มเติมอีก 9 ท่า ซึ่งทาง กมธ.ได้ถามว่าเคยมีการปิดท่าข้ามบ้างหรือไม่ ก็ได้ข้อมูลมาว่าไม่เคยมีการปิดท่าเลย ดังนั้น ท่าข้ามจึงเป็นจุดสำคัญ และเป็นปัญหาทางกฎหมายที่เปิดกันอยู่ มีความชอบด้วยกฏหมายมากน้อยเพียงใด ทาง กมธ. จึงให้ทางจังหวัดรวบรวมข้อมูลว่า วัตถุประสงค์ในการเปิดท่าข้ามเป็นอย่างไร และมีความตั้งใจว่าจะเปิดยาวนานแค่ไหน เพราะตามกฏหมายการเปิดและปิดท่าข้าม ต้องมีเรื่องของระยะเวลาชั่วคราว และเป็นเรื่องความจำเป็น วันนี้ สมช.พูดอย่างชัดเจนว่า โดยปกติการค้าขาย อยากให้ใช้ช่องทางปกติ ที่ยอมรับจากนานาประเทศ นั่นก็คืออาจจะเป็นจุดผ่านแดนถาวร จุดผ่านแดนชั่วคราว จุดผ่านแดนที่ได้รับการผ่อนผัน ผ่อนปรนในกรณีพิเศษ จึงจะดี แต่ถ้าเป็นท่าข้ามจะมีช่องโหว่ทางกฎหมาย

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงก็พบว่าเจ้าหน้าที่ศุลกากรต้องดูแลท่าข้าม ซึ่งบางคนดูแล 3-5 ท่าข้าม ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่คนหนึ่งจะดูแลเรื่องความมั่นคง การป้องกันการลักลอบสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ จึงต้องยอมรับว่า ตามแนวชายแดนคือฟันหลอที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ยังพบว่า ท่าข้ามเป็นอำนาจการดูแลของอธิบดีกรมศุลกากร จากเดิมที่เข้าใจว่าเป็นกระทรวงมหาดไทย ในการกำหนดเรื่องเปิดหรือปิดท่าข้าม โดยที่ศูนย์สั่งการจังหวัดหรือหน่วยงานด้านความมั่นคงเป็นเพียงผู้ให้ข้อมูล ให้คำชี้แนะเท่านั้น


“วันนี้ สมช.พูดชัดเจนว่า มีความเห็นว่าท่าข้ามเหล่านี้น่าจะกระทบกระเทือนความมั่นคง เนื่องอาจจะใช้ในการส่งเสริมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สิ่งที่จะต้องพิจารณากันต่อว่า วันนี้เราเห็นถึงประโยชน์ด้านการค้า แต่ขณะเดียวกัน ภัยร้ายของเราคือเรื่องของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทั้งสองจุดนี้จะดำเนินการอย่างไร ที่ผ่านมาที่ทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใหญ่โตขนาดนี้ เราได้เห็นถึงจุดอ่อนแล้ว มาจนถึงตอนนี้ยังไม่เห็นว่าใครต้องรับผิดชอบอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย“ นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังพบเรื่องของการเอกซเรย์ และบุคลากรไม่เพียงพอ ทำให้ชายแดนมีความอ่อนแอ เพราะเราไม่มีศักยภาพในการดูแลชายแดนได้อย่างเข้มแข็ง จึงขอให้รัฐบาลมีความชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไรเพื่อป้องกันจุดอ่อนทั้งหลาย และตนพยายามชี้ให้รัฐบาลเห็นว่า เรื่องของท่าข้าม ถ้าเราไม่สามารถเพิ่มศักยภาพในการดูแลท่าข้าม ก็จะทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติต่อไป ทั้งนี้ ท่าข้าม เปิด 06.00 น. ปิด 18.30 น. แต่ถึงจะมีคนไปเฝ้า จะมั่นใจได้อย่างไรว่าช่วงเวลาอื่นๆ จะไม่ถูกใช้เพื่ออำนวยให้แก่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งตนได้รับเรื่องร้องเรียนจำนวนมากว่า เวลา 20.30 น. ท่าข้ามฝั่งเมียวดี ยังมีการข้ามกันอยู่ ซึ่งก็ได้พยายามแจ้งหน่วยงานว่ามีเรื่องร้องเรียนในลักษณะนี้เกิดขึ้น ขอให้ช่วยกวดขัน ซึ่งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว จะสร้างกลไกอย่างไรในการป้องกันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่ให้ใช้ประโยชน์จากตรงนี้ และหากสามารถแก้ปัญหาได้จะทำอย่างไรไม่ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับมาอีก

ซึ่งในวันที่ 16-17 ก.พ.นี้ เราจะลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก โดยจะเชิญทาง สมช. ร่วมลงพื้นที่ด้วย วันที่ 16 ก.พ. จะลงพื้นที่ จ.ตาก ส่วนวันที่ 17 ก.พ. จะเดินทางไป จ.พิษณุโลก เพื่อพูดคุยกับทางกองทัพภาคที่ 3


“ผมอยากจะขอร้องว่า เรื่องนี้เป็นความเป็นความตายของประเทศ เป็นเรื่องที่ไม่ว่าคุณจะสีไหน การเมืองแบบไหน คอลเซ็นเตอร์เป็นภัยร้ายหลอกพวกเราทุกคน ดังนั้นผมไม่อยากให้เรื่องนี้จบที่ความเงียบ อยากให้เรื่องนี้จบที่ผลสำเร็จ ให้จบที่ความโปร่งใส ให้จบที่ทุนไทยเทา ในการที่จะถูกเอาไปดำเนินคดี ถ้าไม่มีทุนไทยเทา ผมว่าปัญหาหลายๆ อย่างของประเทศนี้จะดีกว่านี้ แล้วหวังว่าประเทศไทยจะเป็นผู้นำในการจัดการปัญหาเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด” นายรังสิมันต์ กล่าว.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย