“โรม” จับตา “กฟภ.” ตัดไฟฟ้าท่อน้ำเลี้ยงแก๊งคอลเซนเตอร์

รัฐสภา 4 ก.พ.-“โรม” จับตา “กฟภ.” ตัดไฟฟ้าท่อน้ำเลี้ยงแก๊งคอลเซนเตอร์ หลัง “ภูมิธรรม” ไฟเขียว ซัด “อนุทิน” ลอยหน้าลอยตาให้ประชาชนได้รับความเสียหาย ถาม นายกฯ จะปล่อย มท.1 ไปแบบนี้จริงหรือไม่ แย้มเจอกัน 6 ก.พ. เรียกมหาดไทย-สมช. เข้าแจง กมธ.มั่นคงฯ​ หมายหัวต้องเป็น “เสี่ยหนู” เท่านั้น

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ใช้อำนาจรองนายกฯ สั่งระงับจ่ายไฟฟ้าชายแดนไทยเมียนมา ว่า ควรจะเป็นแบบนั้นเพราะเป็นสิ่งที่ตนพยายามยืนยันมาโดยตลอด ว่า เรื่องนี้เป็นอำนาจของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ไม่ควรไปถึงระดับนโยบายด้วยซ้ำ แต่กฟภ.เกียร์ว่าง ทำให้แก๊งคอลเซนเตอร์ เป็นปัญหาไม่จบไม่สิ้น ซึ่งสิ่งที่นายภูมิธรรม พูดฟังดูเหมือนจะตัดแค่ ชเวก๊กโก และเคเคพาร์ก หรือไม่ ซึ่งสองจุดนี้ถูกตัดไปนานแล้ว และตนอยากขอใช้โอกาสนี้บอกอีกครั้งว่า ถ้าจะตัดตนก็เห็นด้วย และควรที่จะทำทันที ซึ่งการที่นายภูมิธรรม ออกมาระบุว่า จะทำทันที ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่เรื่องทั้งหมดนี้ ต้องดูว่าสุดท้ายการตัดไฟที่จะเกิดขึ้นจริง จะเกิดขึ้นที่จุดไหน


นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เนื่องจากฝั่งเมียนมา ทางท่าขี้เหล็กก็ยังมีปัญหาเรื่องยาเสพติด ขณะที่ฝั่งเมียวดี และพญาตองซู มีปัญหาเรื่องแก็งคอลเซนเตอร์ ตนจึงคิดว่า ต้องตัดทั้งหมด 3 จุดนี้ หากมีการละเว้นจุดใดจุดหนึ่งไว้ ปัญหาก็ไม่จบ เพราะขบวนการเหล่านี้ คงย้ายไปอีกจุดที่ยังไม่ถูกตัดไฟ ส่วนวิธีการแก้ปัญหาในระยะยาว หากเกิดมีการตัดไฟเพียงบางจุดนั้น นี่เป็นเพียงก้าวแรก ยังเหลืออีกจำนวนมาก ในการแก้ปัญหาเรื่องคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งขั้นตอนที่ควรจะพิจารณาต่อไป คือเรื่องของท่าข้ามแม่น้ำ เฉพาะแค่ที่จังหวัดตาก ก็มีการเปิด 59 ท่า บางท่าก็ตั้งอยู่กับแก็งสแกมเมอร์ และหากมีการตัดไฟ ก็แน่นอนว่าแก็งเหล่านี้ จะต้องไปหาเครื่องปั่นไฟ และรัฐบาลต้องดูตั้งแต่ต้น ว่ามีการจัดหาเครื่องปั่นไฟไปใช้หรือไม่ เพื่อรีบสกัดกั้นตั้งแต่ตอนนี้ นี่คือขั้นตอนแรกที่ควรจะทำ ภายหลังการตัดไฟ

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ขั้นตอนที่สอง หากเกิดการกระทำความผิดใดๆ เราจะสามารถเอาผิดเจ้าของท่าข้าม ซึ่งเป็นเอกชนได้หรือไม่ และสาม ต้องทบทวนถึงความจำเป็นต้องมีท่าข้ามมากมายขนาดนี้ ที่เป็นความอ่อนแอด้านความมั่นคงของประเทศอย่างมาก เนื่องจากไม่มีการตรวจสิ่งของที่นำข้ามไป โดยเฉพาะของผิดกฎหมาย หากจะเปิดท่าข้าม ควรคงมาตรฐานไม่น้อยไปกว่าด่านชายแดนถาวร ที่มีเจ้าหน้าที่รัดกุมตามจุดต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่า จะได้ไม่มีการกระทำที่ผิดกฎหมายเกิดขี้น ส่วนการมีวีซ่าให้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งอนุญาตให้สามารถเดินทางได้ทั่วราชอาณาจักร โดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาตซ้ำนั้น ก็ควรมีการทบทวน เนื่องจากบางพื้นที่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าไป โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการประกาศกฎอัยการศึก พื้นที่ที่เป็นพื้นที่ด้านความมั่นคง หรือหากนักท่องเที่ยวอยากเดินทางเข้าพื้นที่ที่มีความละเอียดอ่อน จะเป็นไปได้หรือไม่ ที่รัฐบาลจะต้องทบทวนให้มีกลไกในการขออนุญาตก่อน ซึ่งตนมองว่า วิธีการนี้จะป้องกันกลุ่มที่แฝงตัวมาเป็นนักท่องเที่ยว เพื่อข้ามไปยัง 3 จุดข้างต้น


นายรังสิมันต์ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่รัฐบาลควรให้ความสำคัญ คือกลไกภายใน อย่างเรื่องบัญชีม้า ตนเห็นท่าทีของรัฐบาลเอาจริงเอาจังมากขึ้น ซึ่งก็เข้าใจว่าคงต้องรอการแก้ไขพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีก่อน เพื่อให้ธนาคาร และโอเปอเรเตอร์ต่างๆ ร่วมรับผิดชอบ แต่ยังมีประชาชนจำนวนมากที่ยังรอเงินคืน ซึ่งก็คงต้องมีกลไกรองรับ และจัดการ รัฐบาลยังจะต้องหันไปมองฝั่งกัมพูชาด้วย เพราะเป็นอีกหนึ่งแหล่งที่สำคัญไม่แพ้กับฝั่งเมียวดี และต้องดูว่ามีทรัพยากรของประเทศไทยใดบ้าง ที่อาจถูกส่งไปถึง ซึ่งตนเชื่อว่ามีเช่นเดียวกัน

เมื่อถามว่านายภูมิธรรมสั่งระงับการจ่ายไฟ สวนทางกับท่าทีของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย สะท้อนเรื่องความสัมพันธ์ของ 2 รองนายกฯ หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ต้องถึงนายภูมิธรรม ไปไกลสุดจริงๆแค่ที่นายอนุทินแค่นั้น การที่นายอนุทินไม่ดำเนินการมีความเสียหายต่อประเทศชาติหรือไม่

“และถ้ามีความเสียหาย คุณอนุทินจะลอยหน้าลอยตาต่อไปแบบนี้ใช่หรือไม่ รัฐบาล นายกฯจะไม่ทำอะไรเลยใช่หรือไม่ และหากปรากฎว่าไฟฟ้าที่ขายไป ไม่ใช่มีแค่ฝั่งพม่าแต่ไปเจอจุดอื่นอีก แล้วก่อให้เกิดการเสียหายอีก คุณอนุทินจะลอยหน้าลอยตา แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆปล่อยให้ประชาชนต้องรับความเสียหายต่อไปเองเรื่อยๆ ส่วนนายกฯผมขอเรียกร้องแม้จะชื่นชมว่าวันนี้มีการตัดไฟจริง แต่ขณะเดียวกันความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว คุณอนุทินก็ต้องรับผิดชอบในการไม่ใช้อำนาจหน้าที่ ที่รับผิดชอบของตัวเอง ผมต้องถามถึงนายกฯว่า เราจะปล่อยนายอนุทินไปแบบนี้หรือไม่” นายรังสิมันต์ กล่าว


นายรังสิมันต์ กล่าว่า ต้องมีมาตรการอะไรออกมา จึงต้องเรียกร้องความเป็นผู้นำของนายกฯ โดยวันที่ 6 ก.พ. เราได้เชิญกระทรวงมหาดไทย สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้าร่วมประชุม กับกมธ.ฯ ตนได้กำชับกับฝ่ายเลขาว่ากระทรวงมหาดไทยให้กำหนดเป็นนายอนุทินโดยตรง รวมถึงเลขาสมช.ด้วย ซึ่งเรื่องนี้ สมช.ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง แต่เป็นหน่วยงานประสาน ไม่ได้มีอำนาจตัดสินใจโดยตรง

“แต่วันนี้ท่านเลขาสมช.ยินดีที่จะรับเผือกร้อน และออกมาพูดตอนแถลงผมก็เสียดายมากว่าควรจะพูดให้ชัดเจน ว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาความมั่นคง แก๊งคอลเซนเตอร์ ผมฟังข้อมูลตอนเทคออฟก็เหมือนจะดี แต่พอท่านแลนด์ดิ้งมันไปอีกทางหนึ่ง ผมก็งงกับท่านจริงๆว่าเกิดอะไรขึ้น“ นายรังสิมันต์ กล่าว

ส่วนที่เคยออกมาโพสต์กำชับให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ดูแลลูกน้องตัวเอง นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนเห็นข่าวว่า พล.ต.ต. ต.เต่า ออกมายอมรับว่าเคยทำธุรกิจอยู่ฝั่งตรงข้ามคือที่เมียวดีคอมเพล็กซ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมีหน้าที่ปกป้องและปฏิบัติตามกฏหมาย แต่ปล่อยให้บุคคลเดินทางไปเล่นกาสิโน ซึ่งตนตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการเข้าออกประเทศไทยที่ถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่ และรายได้ที่ได้มาที่อาจชอบด้วยกฎหมายเข้าข่ายเป็นการฟอกเงินหรือไม่

“ผมกำลังจะบอกว่าวันนี้ พล.ต.ต. ต.เต่า อาจเป็นคนที่มีเบื้องหลังบางอย่างอยู่ด้วย มีคนที่อาจเป็นระดับสูงเป็นเบื้องหลังเป็นลมใต้ปีกให้กับพล.ต.ต. ต.เต่า ส่วนบิ้กต่ายวันนี้ทำอะไร ไม่เห็นทำอะไรเลย เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ตอนอยากจะเป็นอยากจะเป็นใจจะขาด แต่ถึงเวลานี้ปัดกวาดบ้านตัวเองไม่เห็นทำอะไรเลย แล้วออกให้ข่าวมั่วซั่ว ว่าไม่พบการกระทำผิดกฎหมาย วันนี้คนในองค์กรของท่านทำผิดกฎหมาย ท่านไม่เห็นจัดการอะไรเลย ปล่อยให้เขาเดิน เผลอๆ แหล่งรายได้เงินต่างๆยังคงไหลมาเทมาต่อไป หรือว่าเส้นเงินต่างๆการซื้อขายตำแหน่ง มันมากเสียจนทำให้คนคนนี้ไม่มีใครกล้าแตะต้องหรือไม่” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ ระบุว่า ขอให้สื่อมวลชนจับตา เพราะไม่ต้องการเห็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชัน การทุจริตคอร์รัปชันเป็นแหล่งที่มาที่ทำร้ายประเทศไทยมากมายเหลือเกิน และความทุกข์ยากตกอยู่อยู่ที่ประชาชนคนไทย

“แก๊งคอลเซ็นเตอร์จะไม่มีทางเติบโตได้ขนาดนี้ ถ้าไม่ได้คนที่คอร์รัปชันที่อยู่ในวงการราชการ แก๊งคอลเซ็นเตอร์คงไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ ขณะนี้นี้คงไม่มีคนฆ่าตัวตาย คงไม่มีคนที่หมดตัวขนาดนี้ถ้าระบบกฎหมาย สามารถอำนวยความยุติธรรมได้อย่างแท้จริง” นายรังสิมันต์ กล่าว.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศบ.ทก. ย้ำ 13 ข้อตกลงไทย-กัมพูชา เป็นประโยชน์พื้นที่ชายแดน

ทำเนียบ 8 ส.ค.- ศบ.ทก. ย้ำ 13 ข้อตกลงไทย-กัมพูชา เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะการหยุดยิง ประเมินสถานการณ์ใกล้ชิด เผยผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำแต่ละประเทศจะประสานพื้นที่ นำอาเซียนลงติดตามเป็นระยะ ชี้การพูดคุยระดับ RBC เริ่มปลายเดือนนี้ หากเหตุการณ์ปะทุอีก เรียกประชุม GBC สมัยวิสามัญได้ทันที พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงสรุปภาพรวมสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาที่ผ่านมาตรวจพบว่า ฝ่ายกัมพูชา ตรึงกำลังทหารบริเวณชายแดนพื้นที่สำคัญ พร้อมมีการเคลื่อนไหวด้านยุทโธปกรณ์ และยานพาหนะในบางพื้นที่ ซึ่งฝ่ายไทยจะต้องมีการตรวจตราและติดตามอย่างใกล้ชิด นอกเหนือจากนั้นยังมีการตรวจพบการบินของอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน ในบางพื้นที่เช่นเดียวกัน ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายยั่วยุในบางจุด ทางทหารไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้ดำเนินการควบคุมสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมเพิ่มการตรวจตราตามแนวชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยง โฆษก ศบ.ทก. ยังกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ หรือ GBC เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ประเทศมาเลเซียเป็นเจ้าภาพ ว่า ได้มีการลงนามข้อตกลง 13 ข้อ โดยเป็นข้อตกลงที่สำคัญและเป็นประโยชน์ โดยเฉพาะรายละเอียดข้อที่ 1 […]

เด้งนายอำเภอธัญบุรี-5 เสือ สภ.ประตูน้ำจุฬาฯ เซ่นจับผับ

ก.มหาดไทย 8 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผยผลปฏิบัติการ “ZERO DRUG” เด้ง นายอำเภอธัญบุรี-5 เสือ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เซ่นจับผับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปฏิบัติการ “ZERO DRUG” 8เดือน 8ลุย ที่นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองเข้าตรวจค้นผับย่านรังสิต อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี พบนักท่องเที่ยวอายุต่ำกว่า 20 ปี และตรวจปัสสาวะพบเป็นสีม่วง 179 คนว่า จะมีการเด้ง 5เสือ สภ. ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ ส่วนรายละเอียดผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะแถลงอีกครั้ง โดยตามระเบียบของตำรวจถ้ามีการจับกุม ในพื้นที่5 เสือสถานีตำรวจ จะต้องรับผิดชอบ จะมีการย้ายมาประจำที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ขณะที่ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นการแจ้งข่าวจากฝ่ายปกครองหรือไม่ หากไม่มีการแจ้ง กระบวนการของปกครองก็จะต้องมีการย้ายเช่นกัน เมื่อถามว่าปฏิบัติการเมื่อคืนนี้เป็นกำลังร่วมระหว่างฝ่ายปกครอง กับตำรวจหรือเฉพาะฝ่ายปกครอง นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่แน่ใจ และเมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ถ้าเป็นกองกำลังร่วม ที่ผ่านมาตามธรรมเนียมปฏิบัติ ตำรวจจะไม่ถูกเด้ง นายภูมิธรรมกล่าวว่า คงจะเอาผิดคนที่เกี่ยวข้อง ก็คงมีการจัดการตามระเบียบ […]

“บิ๊กเล็ก” ชี้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นถือว่าดีมากแล้ว เรื่องกับระเบิด จะคุยจนกว่ายอมรับ

ทำเนียบ 8 ส.ค.-“บิ๊กเล็ก” มอบความสำเร็จให้ทีมเจรจา GBC พร้อมขอบคุณประชาชน 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาที่อดทน ให้ผู้ว่าฯ ประสานหน่วยงานด้านความมั่นคงอนุญาตประชาชนกลับบ้าน ชี้กัมพูชาเมินข้อตกลงเก็บกู้ระเบิด เพื่อใช้เป็นเครื่องป้องกันกำลังตนเอง ย้ำจะนำไปคุยใน GBC และจนกว่าจะยอมรับ จ่อตั้งทีมที่ปรึกษาส่วนตัวดูข้อกฎหมายรอบด้าน พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำผลสำเร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย – กัมพูชา หรือ GBC ว่า ขอบคุณทีมคณะเลขานุการ GBC ดำเนินการพูดคุยจนบรรลุข้อตกลง 13 ประเด็น โดยผลสำเร็จที่สำคัญ คือ เป็นการตกลงแบบทวิภาคี ระหว่างไทย – กัมพูชา ซึ่งอาเซียนได้ปล่อยให้ทั้งสองประเทศพูดคุยกัน โดยไม่เข้ามาแทรกแซง ทำหน้าที่เพียงเป็นผู้สังเกตการณ์ ขณะที่ในการพูดคุยมีผู้สังเกตการณ์จากสหรัฐสหรัฐอเมริกา และจีน ก็ได้ปล่อยให้อาเซียนบริหารจัดการกันเอง โดยไม่เข้ามาแทรกแซงเช่นกัน ถือว่าได้รับคำมั่นจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และมาเลเซียก็ตอบรับคำขอไทย ที่พยายามจะรักษาการพูดคุยระหว่างสองประเทศ เพื่อให้กลไกทวิภาคีดำเนินการต่อไปได้ และสิ่งที่ไทยประสบผลสำเร็จอีกหนึ่งประการ คือ เป็นอีกครั้งที่กัมพูชายอมพูดคุยทวิภาคี หลังจากที่ปฏิเสธมาตลอด ส่วนการจะเชื่อใจกัมพูชาได้อย่างไรนั้น พลเอกณัฐพล ย้ำว่า จะใช้แนวทางเดิม […]

ศบ.ทก. เปิดตัว “บุ๋ม ปนัดดา” นั่งโฆษกฯ จิตอาสา

ทำเนียบ 8 ส.ค.-ศบ.ทก. เปิดตัว “บุ๋ม ปนัดดา” นั่งโฆษกฯ จิตอาสา ปะทะ “พลโทหญิงมาลี” มั่นใจสวยกว่าการันตีตำแหน่งนางสาวไทย เจ้าตัวลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์ พร้อมยืนยันเคียงข้างประชาชน ให้ข้อเท็จจริง พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดตัวโฆษก ศบ.ทก. จิตอาสาคนใหม่ คือ นางสาวปนัดดา วงษ์ผู้ดี เพื่อทำหน้าที่ปะทะกับพลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ซึ่งอย่างน้อยสิ่งที่เราได้เปรียบ ที่ตนเองมั่นใจ คือ ความสวย ที่สวยกว่าแน่นอน เพราะโฆษก ศบ.ทก.เป็นนางสาวไทย แต่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาไม่ใช่นางสาวกัมพูชา ซึ่งการทำงานของนางสาวปนัดดา เนื่องจากมีงานมากมาย ปัจจุบันทำงานอยู่ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ให้นางสาวปนัดดาช่วยตอบโต้ผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งตนเองและทีมงานจะสนับสนุนข้อมูลในการแถลงข่าว ด้าน นางสาวปนัดดา ระบุว่า ที่ตกลงมาทำหน้าที่โฆษก ศบ.ทก. จิตอาสาในครั้งนี้ เป็นเพราะตนเองอยู่ในพื้นที่มานานและเห็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เห็นความอดทนของทหาร ในฐานะที่เป็นจิตอาสา จึงอยากเป็นสื่อกลางที่ชัดเจน ที่สามารถคุยกับสื่อมวลชนและประชาชน รวมถึงฝ่ายทหารให้ได้ข้อมูลที่ตรงกับความเป็นจริง และบอกกับต่างชาติว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทยของเราบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้ทางทหารได้มีการประชุมกัน […]