สนช.เผยผลงานปี 2560 ออกกฎหมายไปแล้ว 271 ฉบับ

รัฐสภา 30 ธ.ค.-สนช.เผยผลงานปี 2560 ออกกฎหมายไปแล้ว 271 ฉบับ คาดกฎหมาย ส.ส.- ส.ว.เข้าสู่การพิจารณาปลายเดือน ม.ค.2561 ขณะเดียวกันตรียมคลอดแผนยุทธศาสตร์ชาติ


นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แถลงผลการดำเนินงานของ สนช. ตลอดปี 2560 ว่า มีกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของ สนช. ทั้งสิ้น 334 ฉบับ ผ่านการพิจารณาไป 271 ฉบับ ประกาศใช้แล้ว 263 ฉบับ และมีผลใช้บังคับแล้ว 259 ฉบับ ขณะที่กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ได้ผ่านการพิจารณาในวาระที่ 3 ของ สนช. ไปแล้ว 8 ฉบับ ซึ่ง 4 ฉบับมีผลใช้บังคับแล้ว ได้แก่ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) , พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง , พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และยังมีอีก 3 ฉบับที่รอนำขึ้นทูลเกล้าฯ ได้แก่ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน , พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ และอีก 3 ฉบับสุดท้าย ได้แก่ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นั้น ผ่านการพิจารณาในวาระที่ 3 ของ สนช.ไปแล้ว ขั้นตอนต่อไป สนช.จะส่งร่างกฎหมายดังกล่าวให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และกรรมการ ป.ป.ช.ไปพิจารณาว่ามีประเด็นใดขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ถ้าไม่มีข้อโต้แย้งกระบวนการก็ถึงที่สิ้นสุด ส่งให้นายกรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าฯ ได้ แต่ถ้ามีข้อโต้แย้ง ก็จะต้องตั้งกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย

นายสุรชัย ยังกล่าวถึงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. ซึ่งเป็น 2 ฉบับสุดท้าย ที่อยู่ในชั้นการพิจารณาของกรรมาธิการ สนช. ว่า จะบรรจุเข้าสู่การพิจารณาของ สนช. ในวาระ 2-3 ภายในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนมกราคมนี้ และขอให้ทุกฝ่ายมั่นใจว่า สนช.ได้พิจารณากฎหมายทันตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ก่อนจะเริ่มนับหนึ่งสู่การเลือกตั้ง


นายสุรชัย ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ชาติ ว่า ขณะนี้ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศชุดต่าง ๆ อยู่ระหว่างการจัดทำแผนปฏิรูป ก่อนส่งให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อนำไปบัญญัติในยุทธศาสตร์ชาติ และขอความเห็นชอบจาก สนช. นอกจากนั้น รัฐธรรมนูญยังบัญญัติให้ปฏิรูปประเทศในภาพรวม ภายใน 1 ปี นับจากวันที่รัฐธรรมนูญประกาศใช้ 6 เมษายน 2560 ที่รัฐบาลจะต้องเริ่มลงมือปฏิรูปประเทศให้สัมฤทธิ์ผลภายใน 5 ปี.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง