กรุงเทพฯ 14 ธ.ค.-หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย จัดพิธีมอบรางวัลสุดยอดหน่วยงานรัฐด้านการอำนวยความสะดวกภาคธุรกิจ ภายใต้ชื่อรางวัล“สำเภา-นาวาทอง”ประจำปี 2565 เพื่อเป็นการให้กำลังใจและเชิดชูหน่วยงานภาครัฐที่ปรับปรุงกระบวนงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจอย่างเห็นผล และประชาสัมพันธ์หน่วยงานที่ได้รับรางวัล
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้เกียรติเป็นประธานมอบรางวัลและกล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “การปลดล็อกกฏหมาย กฏระเบียบจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันประเทศได้อย่างไร ?”รัฐบาลขอแสดงความชื่นชมภาคเอกชนที่ได้จัดรางวัลสำเภา-นาวาทอง ขึ้น โดยท่านนายกรัฐมนตรีได้รับทราบและมีความยินดีอย่างยิ่งกับการจัดทำรางวัลดังกล่าว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อภาครัฐในการนำผลการประเมินไปใช้ในการพัฒนาการทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ
ทั้งนี้ ที่ผ่านแผนการปฏิรูปประเทศในด้านกฎหมาย และ กระบวนการยุติธรรม โดยมีหลักสำคัญคือ 1) การยกเลิกกฎระเบียบที่ฟุ่มเฟือย 2) การปรับปรุงกฎระเบียบให้ทันสมัยตามสถานการณ์ และ 3) การเพิ่มกฎระเบียบที่ควรมี โดยภาครัฐมีความจำเป็นต้องจัดสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนนำเทคโนโลยีมาใช้ในการปรับปรุงกระบวนการติดต่อราชการให้สะดวกและรวดเร็ว ช่วยลดการเผชิญหน้า เพิ่มการอำนวยความสะดวก ระหว่างประชาชนหรือภาคธุรกิจกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐ และเป็นการลดการทุจริตอันเกี่ยวข้องกับการติดต่อราชการทั้งนี้ ทุกหน่วยงานที่ได้รับรางวัลทั้งในระดับกระทรวง ระดับกรม และระดับกระบวนยงาน ต้องช่วยทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือ ผู้บริหารภาครัฐต้องปรับทัศคติในการให้บริการภาคธุรกิจและประชาชนให้สอดรับกับสถานการณ์ในปัจจุบัน นำไปสู่การส่งเสริมการปฏิรูปและการเดินหน้าปลดล็อกกฎระเบียบต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยต่อไป
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการ กล่าวว่า หอการค้าไทย ร่วมกับ กกร. และ คณะอนุกรรมการพิจารณาปรับปรุงหรือยกเลิกกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบอาชีพและการดำเนินธุรกิจของประชาชน ผลักดันการปรับแก้กฎหมาย กฎระเบียบต่าง ๆ จนในช่วงปี 64 – 65 สามารถปลดล็อกไปแล้วกว่า 938 กระบวนงาน นอกจากช่วยประหยัดต้นทุนได้ถึง 1 แสนล้านบาทต่อปี ยังเป็นการสร้างโอกาสใหม่และเป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่จะช่วยกันเร่งดึงดูดการลงทุนตรงจากต่างชาติให้เร็วที่สุด ภายหลังการเป็นเจ้าภาพ APEC ของไทยเสร็จสิ้นลง เมื่อช่วงกลางเดือน พ.ย. และพื้นที่ EEC ก็มีความพร้อมรองรับการลงทุนตรงจากทั่วโลก
ทั้งนีั ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาการลงทุนจากภาครัฐและภาคเอกชนภายในประเทศอาจยังไม่เพียงพอต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การดึดดูดการลงทุนจึงเป็นเครื่องยนต์สำคัญนับจากนี้ ที่จะช่วยนำเม็ดเงินมหาศาลเข้าสู่ประเทศ และยังจะได้รับประโยชน์จากกลุ่ม Talent ทั่วโลกที่จะเข้ามาทำงานและอยู่อาศัย เกิดการถ่ายทอดองค์ความรู้ ตลอดจนเทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้กับคนไทย ดังนั้น การทำงานระหว่างภาครัฐและเอกชนด้วยการสร้าง Ecosystem เพื่อให้เกิดEase of Doing Business และ Ease of Investment อย่างจริงจัง จะนำไปสู่ความเชื่อมั่นต่อสายตานานาชาติ จึงเป็นที่มาของการจัดทำรางวัลสุดยอดหน่วยงานรัฐด้านการอำนวยความสะดวกภาคธุรกิจ ภายใต้ชื่อรางวัล“สำเภา-นาวาทอง”ประจำปี 2565 รวมทั้ง การมอบประกาศเกียรติคุณแก่หน่วยงานภาครัฐในส่วนภูมิภาค ที่อำนวยความสะดวกและลดอุปสรรคจากการให้บริการแก่ประชาชนและภาคธุรกิจที่ประทับใจ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฎิบัติงานของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง.-สำนักข่าวไทย