ภูมิภาค 11 ต.ค. – สถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายังคงมีระดับสูงขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากเขื่อนเจ้าพระยาปล่อยน้ำเพิ่ม ทำให้พื้นที่ติดริมตลิ่งต้องเสริมแนวกระสอบทรายเพิ่มขึ้น เพื่อป้องกันน้ำทะลักเข้าท่วม
เขื่อนเจ้าพระยายังระบายน้ำท้ายเขื่อนเพิ่มขึ้น ทำให้น้ำท้ายเขื่อนที่ อ.สรรพยา จ.ชัยนาท สูงขึ้น 5 ซม. ส่งผลให้น้ำที่ท่วมบ้านริมตลิ่งใน อ.สรรพยา เพิ่มสูงขึ้นอีก เจ้าหน้าที่ทหารจากกองบิน 4 (ตาคลี) นำกำลังพล 30 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้านหมู่ที่ 5 ต.โพนางดำออก อ.สรรพยา ทำการอุดรอยรั่วและเพิ่มชั้นกระสอบทรายกั้นน้ำตลอดแนวถนนกลางหมู่บ้าน ระยะทางประมาณ 600 เมตร จาก 3 ชั้น เป็น 6 ชั้น หลังมีน้ำรั่วซึมและล้นกระสอบทรายทะลักเข้าท่วมถนนและบ้านเรือนชั้นใน และได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ จำนวน 7 เครื่อง ที่คันกระสอบทราย สูบน้ำออกตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันบ้านเรือนชั้นในกว่า 150 หลัง และวัดมะปราง ถูกน้ำท่วม
ส่วนที่ จ.อ่างทอง ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายพื้นที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะ ต.โผงเผง อ.ป่าโมก บ้านเรือนประชาชนทั้ง 7 หมู่บ้าน ถูกน้ำท่วมแล้วกว่า 50% ส่วนที่เหลือชาวบ้านต้องร่วมแรงกับเจ้าหน้าที่ อบต. และเจ้าหน้าที่ทหาร เสริมแนวกั้นน้ำให้ทันกับระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เช่นเดียวกับชาวบ้าน ต.บ้านแห ที่ระดมทั้งเจ้าหน้าที่ อบต.บ้านแห กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เร่งวางแนวกระสอบทราย เนื่องจากน้ำกำลังจะล้นคันดินไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ทำให้ขณะนี้ จ.อ่างทอง มีบ้านเรือนประชาชนถูกน้ำท่วมแล้ว 725 หลังคาเรือน จาก 3 อำเภอ บางพื้นที่โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ระดับน้ำสูงเกือบ 2 เมตรแล้ว
ขณะที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา นำรถแบ็กโฮทำการปั้นคันดินเป็นแนวบังเกอร์กั้นน้ำ บริเวณด้านข้างวัดศาลาปูนวรวิหาร หมู่ 4 ต.ท่าวาสุกรี หลังจากระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้น จนท่วมเข้าไปในอาคารเรียนชั้นล่างของโรงเรียนวัดศาลาปูนวรวิหาร ลึกประมาณ 70 ซม. โดยน้ำทะลักชุมชนหัวแหลมเข้ามายังชุมชนศาลาปูน ทางเทศบาลฯ ใช้ดินสร้างเป็นคันยาวประมาณ 300 เมตร สูงประมาณ 1.20 เมตร เพื่อป้องกันน้ำทะลักเข้าท่วมชุมชน ซึ่งมีบ้านเรือนประมาณ 200 หลังคาเรือน. – สำนักข่าวไทย