อิสลามาบัด 27 ส.ค. – ประชาชนในเขตคาซูร์ ทางตะวันออกของปากีสถาน อพยพพร้อมกับทรัพย์สินและปศุสัตว์ออกจากบ้านเรือนในวันอังคาร ขณะที่ทางการปากีสถานระบุว่ากำลังเผชิญกับอันตรายจากน้ำท่วมในระดับ “สูงมากถึงสูงเป็นพิเศษ” เนื่องจากปริมาณฝนที่ตกหนักและการตัดสินใจของอินเดียที่จะปล่อยน้ำจากเขื่อนสองแห่ง
ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา อินเดียและปากีสถานได้รับผลกระทบอย่างหนักจากฝนตกมรสุมและน้ำท่วม การปล่อยน้ำส่วนเกินจากเขื่อนของอินเดียจึงยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้น้ำท่วมในพื้นที่บางส่วนของรัฐปัญจาบของปากีสถาน ซึ่งเป็นแหล่งผลิตอาหารสำคัญของประเทศและเป็นที่อยู่อาศัยของประชากรครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 240 ล้านคน
หน่วยงานจัดการภัยพิบัติประจำรัฐของปากีสถานระบุเมื่อช่วงค่ำวันอังคารว่า อินเดียได้เปิดประตูทุกบานของเขื่อน “เธน” (Thein) ตั้งอยู่บนแม่น้ำราวี (Ravi River) ขณะที่กระทรวงทรัพยากรน้ำของอินเดียยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ทันที
ปากีสถานเริ่มดำเนินสั่งการอพยพประชาชนตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้ว โดยขณะนี้มีผู้พลัดถิ่นในรัฐปัญจาบของปากีสถานแล้วกว่า 150,000 คน ซึ่งรวมถึงเกือบ 35,000 คนที่อพยพด้วยความสมัครใจหลังได้รับคำเตือนเรื่องน้ำท่วมตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน สำนักข่าวเอเอ็นไอ (ANI) ของอินเดียรายงานเมื่อวันพุธว่า ฝนที่ตกหนักทำให้เกิดดินถล่มบนเส้นทางแสวงบุญของชาวฮินดูในเขตจัมมูทางตอนเหนือของอินเดีย มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 30 คน ขณะที่น้ำท่วมได้กระตุ้นให้ทางการออกคำเตือนให้ประชาชนอยู่ในบ้านในช่วงกลางคืน
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาอินเดียคาดการณ์ว่าจะมีฝนตกเพิ่มขึ้นในภูมิภาคหิมาลัยที่ครอบคลุมพื้นที่สหพันธรัฐจัมมูและแคชเมียร์ รวมถึงลาดักห์ซึ่งเป็นพื้นที่ภูเขา
โอมาร์ อับดุลลาห์ มุขมนตรีแห่งจัมมูและแคชเมียร์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กำลังพยายามฟื้นฟูบริการโทรคมนาคมในพื้นที่ซึ่งการสื่อสารเกือบใช้งานไม่ได้ทั้งหมด สำนักข่าวเอเอ็นไอ รายงานว่า เหตุการณ์ดินถล่มใกล้กับศาลเจ้าฮินดู “ไวษโณ เทวี” (Vaishno Devi) บนเส้นทางแสวงบุญได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 30 คน.-813.-สำนักข่าวไทย