กมธ.ไม่รีเซ็ตกรรมการ ป.ป.ช. ให้อยู่ครบวาระ

รัฐสภา 19 ธ.ค.-  กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พิจารณาปรับแก้หลายประเด็น  ไม่รีเซ็ตกรรมการ ป.ป.ช. ให้อยู่ครบวาระ 9 ปี  แต่ยังไม่ชี้ขาด ต้องเข้า สนช.อีกครั้ง


นายวิชา มหาคุณ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง  พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ชี้แจงรายละเอียดการปรับเพิ่มหลายประเด็น เช่น ประเด็นที่กรรมาธิการฯ ในสัดส่วน ป.ป.ช.เสนอ ทั้งเรื่องการ เข้าถึงข้อมูล ดักฟังโทรศัพท์ แชทไลน์  ซึ่งเสียงส่วนใหญ่เห็นด้วย แต่ก็มีข้อกังวลท้วงติงเรื่องกระทบต่อสิทธิมนุษยชน 

ส่วนข้อเสนอให้อำนาจสะกดรอยตาม และอำพรางตัว  นายวิชา กล่าวว่า กรรมาธิการฯ ไม่เห็นด้วย โดยการเข้าถึงข้อมูลให้เป็นอำนาจของอธิบดีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบพิจารณาอนุญาต เนื่องจากเกรงเรื่องข้อมูลรั่วไหล โดยอธิบดีต้องพิจารณาตามเงื่อนไข และตระหนักในคดี ไม่ใช่อนุญาตตามอำเภอใจ และความรับผิดชอบจะตกอยู่ที่กรรมการ ป.ป.ช. ไม่ใช่ระดับเจ้าหน้าที่


“ยอมรับว่า การเพิ่มอำนาจ ป.ป.ช. ต้องระมัดระวังไม่ให้ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลเหมือนเช่นที่เคยเกิดในต่างประเทศมาแล้ว เพราะเรื่องของไซเบอร์อันตรายมาก” นายวิชา กล่าว

ส่วนกรณีการตรวจสอบทรัพย์สิน หนี้สิน ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ครอบคลุมถึงคู่สมรส นอกสมรส และกิ๊กนั้น เป็นเพียงวางกรอบแต่ให้ ป.ป.ช.ไปกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเอาเอง ส่วนจะรวมถึงคู่รักเพศเดียวกันด้วยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับ ป.ป.ช.กำหนด 

นายวิชา ยังกล่าวถึง วาระการดำรงตำแหน่ง ของ ป.ป.ช. ว่า เสียงส่วนใหญ่ของกรรมาธิการเห็นชอบให้ ป.ป.ช.ชุดปัจจุบัน อยู่ครบวาระ 9  ปี โดยให้เหตุผลว่า ทำงานมีประสิทธิภาพ ยกเว้น กรธ. ที่สงวนความเห็นไว้ ซึ่งกรณีดังกล่าว จะไปพิจารณาในที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) อีกครั้ง ซึ่งอาจตั้งกรรมาธิการร่วม ขึ้นมาพิจารณา


 ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตถึงความสัมพันธ์ของกรรมการ ป.ป.ช.บางคน กับผู้ใหญ่ในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จนอาจทำให้สังคมคลางแคลงใจในการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.นั้น นายวิชา กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ประธานป.ป.ช.ยอมรับกับสื่อมาโดยตลอด ว่าตัวเองมีต้นทุนต่ำ จึงต้องการให้ดูผลงานและการกระทำ ซึ่งกฎหมายฉบับใหม่ได้เขียนกลไกการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. หลายเรื่องทั้งการทำหน้าที่ด้วยความเที่ยงธรรม และให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิด   .- สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

สมรสเท่าเทียม

นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

“แพทองธาร” นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมแสดงความยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ ขอบคุณทุกภาคส่วนผ่านการต่อสู้กับอคติกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยโอบรับความหลากหลาย และเท่าเทียม

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 20 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ฝุ่น กทม.

คนกรุงจมฝุ่นต่อเนื่อง เช้านี้อยู่ระดับสีแดง 21 พื้นที่

กทม. อ่วมหนัก ฝุ่น PM 2.5 พุ่งต่อเนื่อง อยู่ระดับสีแดง ผลกระทบต่อสุขภาพ 21 พื้นที่ ย้ำสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่นอกอาคาร และงดกิจกรรมกลางแจ้ง