สำนักข่าวไทย 6 ธ.ค.-ผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีนหารือกรณี ฟิลิปปินส์สั่งระงับฉีดวัคซีนไข้เลือดออกพรุ่งนี้ หลังพบคนแพ้ ย้ำในไทยไม่ใช่วัคซีนพื้นฐาน มีฉีดแค่ใน รพ.เอกชน แค่พันคน คาดแถลงข่าว 8 ธ.ค.นี้
นพ.พรศักดิ์ อยู่เจริญ ผู้อำนวยการกองโรคป้องกันได้ด้วยวัคซีน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีข่าวออกมาระบุว่ากระทรวงสาธารณสุขไทยสั่งระงับการนำเข้าวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออก หลังจากพบผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนดังกล่าวในประเทศฟิลิปปินส์ ว่าประเทศไทยยังไม่มีการสั่งระงับการใช้วัคซีนดังกล่าว เพราะเป็นอำนาจของคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ที่จะพิจารณาเรื่องดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม วัคซีนไข้เลือดออกตัวนี้ เพิ่งได้รับการรับรองจากอย.ไปเมื่อปี 2559 มีการใช้บ้างในส่วนของ รพ.เอกชน แต่ยังไม่ได้ถูกกำหนดให้เป็นวัคซีนพื้นฐานสำหรับฉีดทั่วไปภายในประเทศจึงยังไม่มีปัญหา แต่ในวันที่ 7 ธ.ค.นี้ ทางกรมควบคุมโรคจะมีการหารือเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง ส่วนภาคเอกชนอาจจะต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง
นพ.พรศักดิ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับผลข้างเคียงที่ว่านั้น อาจจะเป็นอันตรายในเด็กที่ยังไม่เคยติดเชื้อมาก่อนจะมีอาการมากกว่าเด็กที่ติดเชื้อมาก่อนแล้ว ทั้งนี้ต้องเข้าใจธรรมชาติของโรคไข้เลือดออกจะมี4สายพันธุ์จะรุนแรงในการติดเชื้อครั้งที่ 2ดังนั้นถ้าคนไม่เคยติดเชื้อแล้วมาฉีดก็จะเหมือนเป็นการติดเชื้อครั้งที่ 1 ด้วยวัคซีน เพราะวัคซีนนี้เป็นวัคซีนเชื้อเป็น ทำให้มีความรุนแรง
นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ช่วงบ่ายวันที่7ธ.ค.จะเชิญผู้เชี่ยวชาญ อาทิ สำนักงานวัคซีนแห่งชาติ, อย.,ผู้เชี่ยวเชี่ยวชาญด้านสถิติ นักแปลภาษา และสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย เพื่อวิเคราะห์กรณีเผยแพร่ข้อความเกี่ยวกับผลที่ได้รับจากการฉีควัคซีนไข้เลือดออกในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งในส่วนของประเทศไทยจะต้องดูว่าฉีดไปแล้วมีผลอย่างไร คนรับวัคซีนมีมากแค่ไหน เนื่องจากวัคซีนนี้ไม่ใช่วัคซีนพื้นฐานมีการฉีดเฉพาะ รพ.เอกชน แบบฉีดเสรี ที่ต้องการป้องกันไข้เลือดออก ในกลุ่มคนบางคนคาดว่าขณะนี้มีการฉีดไปแค่ประมาณพันคนเท่านั้น ไม่เหมือนที่ฟิลิปปินส์ที่มียอดสูงถึงแสนคน
ทั้งนี้ สาเหตุที่ต้องเชิญนักสถิติมาร่วมด้วยเพราะข้อมูลการแปลมีการเชื่อมโยงข้อมูลสถิติเชิงวิทยาศาสตร์ ที่ระบุถึงจำนวนคนป่วยและสัดส่วนของคนที่ได้รับวัคซีน จึงถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องการข้อมูลจำเพาะ และแน่ชัดก่อนแจ้งให้สาธารณชนทราบอย่างเป็นทางการอีกครั้งร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขในวันที่ 8 ธ.ค.นี้ ส่วนคนที่กำลังคิดจะฉีดวัคซีนดังกล่าวขอให้ชะลอไปก่อน.-สำนักข่าวไทย