กทม. 13 ก.ย.- จำคุก “วัฒนา” 8 ปี คดีประกอบและมีวัตถุระเบิด ที่ยึดจากบ้านย่านบางเขน สารภาพเหลือ 4 ปี ส่วนคดีพยายามฆ่าฯ จากการนำแจกันซุกไปป์บอมบ์ไปวาง รพ.พระมงกุฎฯ ศาลนัดสืบพยานประกอบคำรับสารภาพ 16 ต.ค.นี้ ถือเป็นคดีแรกของ “วัฒนา” ที่มีคำพิพากษา
ที่ห้องเวรชี้ ศาลอาญา รัชดาฯ ศาลนัดสอบคำให้การจำเลย 2 คดี กรณีวันที่ 12 ก.ย.60 อัยการฝ่ายคดีอาญา 3 ยื่นฟ้องนายวัฒนา ภุมเรศ เป็นจำเลยรวม 2 คดี ในความผิดฐาน พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ทำให้เกิดระเบิด ทำให้เสียทรัพย์ พกพาอาวุธระเบิดไปในที่สาธารณะ และความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน พ.ร.บ.สิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ และข้อหาอื่น ๆ
อัยการโจทก์บรรยายฟ้องสรุปว่า ระหว่างวันที่ 21- 22 พ.ค.60 จำเลยได้ประกอบระเบิดแสวงเครื่องชนิดจุดปะทุด้วยไฟฟ้า เป็นระเบิดแรงต่ำชนิดดินดำ ประกอบไว้ในท่อพลาสติกพีวีซี สีฟ้า หรือเรียกว่า” ไปป์บอมบ์ “มีตะปูเข็มเป็นสะเก็ดระเบิด ใส่ไว้ในแจกันดอกไม้พลาสติก 1 ลูก ซึ่งเมื่อเกิดระเบิด จะทำอันตรายต่อร่างกายบาดเจ็บ เสียชีวิต และทำลายทรัพย์สินได้ในรัศมี 5-10 เมตร จากนั้นจำเลยได้นำแจกันดังกล่าว เดินทางโดยรถเมล์จาก อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ไป รพ.พระมงกุฎเกล้าฯ นำแจกันดอกไม้ดังกล่าวไปติดบนผนังห้องวงษ์สุวรรณ แล้วเปิดสวิตช์ทำให้วงจรระเบิดทำงาน ทำให้ พ.ท.กฤษฎา อินทรณเดช, พ.อ.หญิงพูนศรี บุญปาลิต และผู้เสียหายอื่นรวม 21 คน บาดเจ็บ โดยมีเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล เพราะแรงระเบิดและสะเก็ดระเบิดไม่ถูกอวัยวะสำคัญของผู้เสียหายทั้ง 21 คน จึงไม่ถึงแก่ความตาย แต่ทำให้ พ.อ.หญิงพูนศรี กับผู้เสียหายอื่นรวม 5 คน ได้รับอันตรายสาหัส และบุคคลอื่นทีเหลือได้รับอันตรายแก่กาย นอกจากนี้ยังทำให้กล้องวงจรปิด อุปกรณ์อื่นของ รพ.พระมงกุฎฯเสียหายรวม 1,201,000 บาท ต่อมาตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านจำเลยที่ จ. นนทบุรี ยึดอุปกรณ์ประกอบวัตถุระเบิด อาทิ แบตเตอรี่ ชิ้นส่วนท่อพีวีซี สวิชต์ ตะปู ส่วนประกอบของวัตถุระเบิด จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิด
อีกคดี พนักงานอัยการฯยื่นฟ้องนายวัฒนา ในความผิดฐานประกอบ ทำ และมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ไว้ในครอบครองได้ มียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต กรณีวันที่ 15 มิ.ย.60 จำเลยประกอบวัตถุระเบิดแสวงเครื่องชนิดไปป์บอมบ์ 4 ลูกขึ้นเองซึ่งเป็นระบบไฟฟ้า มีตัวตั้งเวลา และระเบิดดินดำ ในท่อพลาสติกพีวีซี.สีฟ้าโดยใส่ไว้ในกระถางสีน้ำตาลเมื่อเกิดระเบิดจะก่อให้เกิดอันตรายรัศมีฉกรรจ์ 5 -10 เมตร นอกจากนี้ยังพบดินดำ 3 กระปุก กระสุนลูกกรดขนาด .22 จำนวน 39 นัดภายในบ้านพักจำเลยย่านบางเขน จึงยึดไว้เป็นของกลาง
วันนี้(13 ก.ย.) ศาลเบิกตัวนายวัฒนา จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาสอบคำให้การ โดยนายวัฒนาไม่อนุญาตให้สื่อถ่ายภาพแต่อย่างใด ศาลประทับรับฟ้องคดีไว้พิจารณา ก่อนอ่านและอธิบายคำฟ้องให้นายวัฒนา ฟังทั้ง 2 คดี พร้อมสอบคำให้การ นายวัฒนา แถลงรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาไม่ต่อสู้คดี
ศาลจึงพิพากษาคดี ประกอบ ทำ และมีวัตถุระเบิด ฯจำคุก 4 ปี ฐานมีเครื่องยุทธภัณฑ์ ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกอีก 4 ปี รวม 8 ปี และฐานมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง ฯปรับ 1,950 บาท จำเลยรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 4 ปี ปรับ 975 บาท ริบของกลาง ส่วนคดี พยายามฆ่าผู้อื่นฯจากการนำแจกันซุก”ไปป์บอมบ์”ไปวางใน รพ.พระมงกุฎฯ ศาลนัดสืบพยานโจทก์ประกอบคำรับสารภาพจำเลย 16 ต.ค.นี้ เวลา 09.00 น.-สำนักข่าวไทย