พรรคประชาธิปัตย์ 8 ก.ย.- หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ติดใจหากจะเลือกตั้งปลายปีหน้า ชี้ยังอยู่ในกรอบและเงื่อนเวลาตามโรดแมป เตือนอย่าอาศัยช่องโหว่กฎหมายลากยาวเลื่อนเลือกตั้ง เสี่ยงสร้างความขัดแย้งรุนแรง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีการคาดการณ์จะสามารถเลือกตั้งได้ปลายปีหน้าว่า ทุกอย่างควรเป็นไปตามกรอบและเงื่อนเวลา ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องมาถกเถียงเรื่องวันเลือกตั้ง เพราะกำหนดเวลาที่อยู่ในโรดแมป หรือในกฎหมาย จะต้องมีความยืดหยุ่นอยู่ในระดับหนึ่ง เนื่องจากมีขั้นตอนการทูลเกล้าฯ ขั้นตอนการลงพระปรมาภิไธย ดังนั้นหากอะไรก็ตามที่ยังอยู่ในกรอบนี้ ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลมีความชัดเจน เพราะตอนนี้มีการหยิบยกช่องโหว่ เช่นมีความกังวล หวาดระแวงว่าจะมีการคว่ำกฎหมายประกอบรัฐธรรรมนูญ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ควรเกิด เพราะเป็นความรับผิดชอบของแม่น้ำ 5 สาย ที่ควรเดินไปอย่างราบรื่น อย่างไรก็ตามยังไม่เห็นใครจงใจที่จะเบี่ยงเบนประเด็นไปจากเดิม เพียงแต่ กกต.คำนวณโดยลืมนับบางขั้นตอนไป
“ผมว่าทั้งประชาชนในประเทศ ทั้งต่างชาติ หวังที่จะเห็นการเดินหน้าตรงนี้เป็นไปอย่างต่อเนื่องมากกว่า เพราะฉะนั้นต้องช่วยกัน ไม่ต้องมาถกเถียงกันว่าสิงหาคม กันยายน ขอให้อยู่ในกรอบและเดินไปอย่างมั่นคง เพราะเป็นสิ่งที่จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นแก่ประเทศ อย่างที่ผมบอกว่า ถ้าเป็นกระบวนการโดยธรรมชาติ อย่าได้มีปัญหากัน แต่ถ้าเป็นการจงใจที่จะเบี่ยงเบน ก็อย่าทำเลย เพราะสุ่มเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงในสังคม” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงโพลของสถาบันพระปกเกล้าที่ระบุคะแนนนิยมของพรรคตกต่ำลง ว่า เรื่องนี้ไม่ส่งผลต่อการเลือกตั้ง และไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาอะไร เพราะพรรคก็ตระหนักอยู่แล้วว่าขณะนี้ความเชื่อมั่นศรัทธา และกลไกทางการเมืองในตอนนี้ยังต่ำอยู่ และไม่น่าแปลกใจ เพราะนักการเมืองตกเป็นเป้าของการวิพากษ์วิจารณ์ ในขณะนี้ว่าเป็นต้นตอของปัญหาความขัดแย้ง ซึ่งพวกตนก็ยอมรับ และขณะนี้พรรคการเมืองยังไม่สามารถทำกิจกรรมตามปกติได้ แต่ทั้งหมดก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะปรับปรุงแก้ไข โดยเฉพาะพรรคการเมืองจะต้องกอบกู้ศรัทธากลับคืนมาให้ได้ ไม่เช่นนั้นวันข้างหน้าระบอบประชาธิปไตยจะอันตราย พร้อมเรียกร้องหัวหน้าคสช.ผ่อนปรนในพรรคการเมืองสามารถทำกิจกรรม ที่ไม่กระทบกับความมั่นคงก่อน เช่นการประชุมสัมมนาในเชิงนโยบาย ปรับกฎระเบียบภายในพรรค เพื่อให้เป็นภาพบวกขององค์กรทางการเมือง ไม่ควรรอกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเสร็จ.-สำนักข่าวไทย