น่าน 27 ต.ค.- “นพ.บุญยงค์ วงศ์รักมิตร” อดีต ผอ.รพ.น่าน ซาบซึ้งพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นได้ถวายงานเบื้องพระยุคลบาท แม้ผ่านมาเกือบ 50 ปี แต่พระสุรเสียง “ฉันไว้ใจเธอ” ยังดังก้องหู ไม่มีวันลืม ขอจดจำชั่วชีวิต
นพ.บุญยงค์ วงศ์รักมิตร วัย 83 ปี อดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลน่าน เล่าถึงความปลาบปลื้มใจขณะรับราชการตั้งแต่ปี 2507 ในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชว่า เมื่อครั้งที่พระองค์และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ เยี่ยมทหารกองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า ที่ อ.เชียงกลาง จ.น่าน เมื่อปี พ.ศ.2510 และมีนายทหารเข้ามากราบบังคมทูลฯ ว่า ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ชายแดนถูกยิงได้รับบาดเจ็บไม่สามารถนำตัวออกจากพื้นที่ได้ ทั้งสองพระองค์จึงรีบเสด็จฯ โดยเฮลิคอปเตอร์ทรงรับตัวทหารที่บาดเจ็บ เพื่อส่งไปรักษาที่โรงพยาบาล เดิมจะส่งไปที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า แต่อาการหนักมากจึงส่งมาโรงพยาบาลน่านก่อน ทางแพทย์และพยาบาลเร่งช่วยเหลืออย่างเต็มที่ หลังจากทั้งสองพระองค์เสด็จฯ กลับไม่นาน ต่อมาพลเรือเอกหม่อมเจ้ากาฬวรรณดิศ ดิศกุล สมุหราชองครักษ์ ได้นำหนังสือจากสำนักงานสมุหราชองครักษ์แจ้งว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพอพระราชหฤทัยกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ โรงพยาบาลน่าน และมีพระประสงค์ที่จะสนับสนุนเครื่องมือแพทย์ และความต้องการอื่น ๆ จึงได้กราบบังคมทูลฯ ไปว่ายังขาดแคลนทั้งเครื่องมือแพทย์และทุนทรัพย์ขยายอาคารเพื่อรองรับผู้บาดเจ็บ กระทั่งพระองค์เสด็จฯ มาเยี่ยมทหารบาดเจ็บอีกครั้งที่โรงพยาบาลน่าน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2511 และพระราชทานเครื่องเอ็กซเรย์เคลื่อนที่ เครื่องดูดเลือดและน้ำจากปอด เครื่องรมยาสลบ รวมทั้งทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 240,000 บาท เพื่อขยายอาคารรับผู้ป่วย นำมาซึ่งความปลาบปลื้มแก่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทุกคน แต่ที่เหนืออื่นใดพระองค์ตรัสว่า “ เงินที่ขอไปนั้น ฉันนำมามอบให้แล้ว ขอให้หมอดำเนินการก่อสร้างเองนะ ไม่ต้องผ่านราชการ ฉันไว้ใจเธอ สร้างเสร็จแล้วให้บอกด้วย ฉันจะมาเปิด”
“คำที่พระองค์ตรัสในครั้งนั้น “ฉันไว้ใจเธอ” ได้ฟังแล้วในเวลานั้นรู้สึกตื้นตันปลื้มปีติ และไม่อาจบิดพลิ้วต่อการทำงานต่าง ๆ มากมาย ผมขอพระราชทานเงินไปสองแสนสี่หมื่นบาท เพื่อใช้ต่อเติมอาคารไม้รองรับผู้ป่วยได้อีก 20-25 คน เอาแค่พอใช้ ไม่ได้คิดว่าจะทาสีด้วยซ้ำไป แต่พอพระองค์ท่านตรัสว่าจะมาเปิด เวลานั้นนึกไม่ออกเลยว่าจะทำอย่างไร แต่ปัญหาทั้งหมดก็ลุล่วงไปด้วยความช่วยเหลือของคนไข้รายหนึ่ง คนไข้ที่เราดูแลเขา มาพบ พาลูกชายมาด้วยชื่อ นายทองจุล สิงหกุล เป็นผู้อำนวยการกรมโยธาธิการฯ ถามว่ามีอะไรให้ช่วยเหลือก็ขอให้บอก”
นพ.บุญยงค์ เล่าด้วยว่า นายทองจุล ได้ช่วยเหลือเรื่องแบบ หาช่างรับเหมามาทำให้อย่างดี เพราะเป็นเงินพระราชทาน ผู้รับเหมาก็ควบคุมดูแลการก่อสร้างอย่างดี และอาคารนี้ได้รับพระราชทานนามใหม่ว่า “พิทักษ์ไทย” ใช้รองรับผู้บาดเจ็บจากการสู้รบ โดยสร้างเสร็จในเดือนมีนาคม 2512 และเป็นช่วงพอดีที่จังหวัดน่านได้กราบบังคมทูลฯ เชิญเพื่อทรงเป็นองค์ประสานเปิดอาคารศาลากลางจังหวัดและอาคารโรงเรียนราชานุบาล ทางจังหวัดถามตนว่าจะกราบบังคมทูลฯ เชิญเพื่อทรงเปิดอาคารตึกพิทักษ์ไทยด้วยหรือไม่ ตนเห็นว่าพระองค์ต้องเสด็จฯ ถึงสองแห่งแล้ว ก็บอกไปว่าคงไม่ต้องกระมัง ทางจังหวัดจึงต้องแจ้งไปตามนั้น ปรากฏว่า ม.ล.ปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา กรมวังผู้ใหญ่ ได้แจ้งตนว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รับสั่งว่า “แล้วตึกฉันล่ะ จะไม่ให้ฉันเปิดหรือ” เมื่อได้ยินอย่างนั้นก็ตกใจ เพราะไม่ได้เตรียมอะไรเลย แต่ได้รับคำแนะนำอย่างดีและความช่วยเหลือจาก ม.ล.ปีย์ เมื่อครั้นพระองค์เสด็จฯ มาทรงประกอบพิธีแล้วยังพระราชทานพระราชทรัพย์อีก 50,000 บาท ไว้สำหรับจัดหาสิ่งของจำเป็นอื่น ๆ
นพ.บุญยงค์ ทิ้งท้ายว่า พระราชดำรัสของพระองค์ มีความหมายกับชีวิตทั้งชีวิต ยิ่งถ้อยพระราชดำรัสว่า “ฉันไว้ใจเธอ” ก็ยิ่งทวีความหมาย “ทุกวันนี้พระสุรเสียงของพระองค์ยังดังก้องอยู่ไม่มีวันลืม และจะจดจำตราบชั่วชีวิตจะหาไม่.-สำนักข่าวไทย