มหาสารคาม 17 ก.ค.- รักษาราชการอธิการบดี มรภ.มหาสารคาม นำทีมคณาจารย์ขอโทษสังคมมีกิจกรรมรับน้องไม่เหมาะสมเกิดขึ้น ยืนยันสถาบันยึดการรับน้องสร้างสรรค์มาตลอด เคสนี้อาจรอดตาและคงทำไปรู้เท่าไม่ถึงการณ์ พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบพิจารณาลงโทษทางวินัย ด้านตัวแทนรุ่นพี่ขอโทษน้อมรับผิด
เมื่อเวลา 10.00 น. (17 ก.ค.) ที่ห้องประชุมชั้น 1 อาคาร 34 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม นายวุฒิพล ฉัตรจรัสกูล รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม ผศ.ดร.พิทยวัฒน์ พันธะศรี รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ผศ.ดร.ศิวดล กัญญาคำ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ พร้อมคณาจารย์และตัวแทนนักศึกษารุ่นพี่ทั้ง 2 คณะ แถลงกรณีมีคลิปภาพการรับน้องไม่เหมาะสมโพสต์โซเชียลว่า คลิปที่มีการโพสต์ดังกล่าวเป็นภาพของเหลวคล้ายอุจจาระเข้าปากรุ่น และการเทราดนมข้มหวานที่หน้าอกรุ่นน้อง เพื่อให้เพื่อน ๆ รุ่นน้องกินนั้น เป็นกิจกรรมรับน้องที่เกิดขึ้นภายในมหาวิทยาลัย ส่วนภาพของเหลวนั้นเป็นฟักทองผสมกับน้ำปลาร้า มะเขือเทศ และเศษผัก ซึ่งภาพที่ออกไปจะดูไม่เหมาะสม อีกทั้งตัวนักศึกษา และคณบดีทั้ง 2 คณะ ได้กล่าวขอโทษต่อสังคมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนักศึกษากระทำไปด้วยความคึกคะนองและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงไม่คิดว่าเหตุการณ์จะออกมารุนแรงขนาดนี้ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของบทลงโทษจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและการลงโทษทางวินัย
ด้าน ผศ.ดร.พิทยวัฒน์ กล่าวว่า คณะได้จัดกิจกรรมรับน้องแบบสร้างสรรค์ คือ เช้าทำบุญตักบาตร ไหว้พ่อแก่ ครอบครู ช่วงสายเป็นการไหว้ครู กลางวันรับประทานอาหาร แต่ช่วงบ่ายอาจจะมีภาพกิจกรรมที่ไม่เหมาะสมออกมา ทางคณะขอน้อมรับผิด จริง ๆ แล้วทางคณะเองก็มีการตรวจสอบ แต่ก็ยังมีส่วนที่เล็ดลอดออกไป ตรงนี้ต้องยอมรับผิด ถือว่าเป็นบทเรียนในการดูแลนักศึกษาในรุ่นต่อ ๆ ไป
ขณะที่ตัวแทนนักศึกษารุ่นพี่กล่าวขอรับผิดเช่นกัน และไม่คิดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะบานปลายในกระแสสังคม หากบทลงโทษของทางมหาวิทยาลัยฯ ออกมาเป็นอย่างไร เพื่อน ๆ และกลุ่มนักศึกษารุ่นพี่พร้อมยอมรับผิด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากแถลงข่าวเสร็จมีรุ่นพี่จากทั้ง 2 คณะ คือคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และคณะวิศวกรรมศาสตร์ ได้ออกมายืนรอที่หน้าห้องประชุม เพื่อแสดงความรับผิดชอบร่วมกัน โดยยืนเรียงแถว พร้อมยกมือไหว้ขอโทษรักษาการอธิการบดี และคณะผู้บริหารถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่ให้มีเหตุการณ์แบบเดิมเกิดขึ้นอีก.-สำนักข่าวไทย