ก.สาธารณสุข 20 มิ.ย.-กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ ตกลงเข้าร่วมเวทีปรึกษาสาธารณะ( Public consultant) พรุ่งนี้ แต่มีข้อแม้ว่าหากเห็นกำลังตำรวจทหารในที่ประชุมจะกลับทันที ย้ำอยากเห็นการเจรจาที่ไม่รวบรัดและเร่งรัด ให้ค่อยๆ ตกผลึกหาข้อเห็นต่างและเห็นร่วม ถ้ามีข้อเห็นต่างให้ตั้งเวทีสมัชชาสุขภาพขึ้นมาหารืออีกครั้ง
หลังการเจรจากับ นพ.พลเดช ปิ่นประทีป ประธานคณะอนุกรรมการดำเนินงานประชาพิจารณ์ กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ นำโดยนายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ เปิดเผยว่า นพ.พลเดช กังวลภาพการคัดค้าน เหมือนในเวทีประชาพิจารณ์แต่ทั้งนพ.พลเดช และกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพเห็นเหมือนกันว่า อยากให้ ในเวทีปรึกษาสาธารณะพรุ่ง นี้เป็นการพูดคุยเพื่อสร้างโอกาสให้กับกฎหมายหลักประกันสุขภาพ
กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ จึงมี 3 ประเด็นหลักเสนอคือ 1.วันพรุ่งนี้ต้องเป็นการพูดคุยที่ไม่ใช่ภาวะที่มีทหารตำรวจเต็มที่ประชุม 2.การพูดคุยต้องไม่ใช่เป็นการปิดห้องคุยแล้วรวบรัดประเด็นเพราะบางประเด็นอาจหาข้อยุติยังไม่ได้ จึงเสนอให้หาความเห็นร่วมกันให้ได้ ส่วนความเห็นต่าง ก็ต้องสรุปไว้และไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง 3.ขั้นตอนต่อจากเวทีปรึกษาสาธารณะรัฐบาลต้องไม่เร่งรัดนำเรื่องสู่ สนช.
โดยกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพเสนอให้ใช้กระบวนการ”สมัชชาสุขภาพ”เข้ากลไกเปิดเวทีวาระพิเศษ หรือวาระเฉพาะ โดยจะนำความเห็นต่าง นั้น ๆ มาหารือจนตกผลึก โดยจะต้องเชิญ 1.เจ้าของความเห็นต่าง 2.นักวิชาการอิสระ 3.ประชาชน มาร่วมกันหารือ เพื่อให้ได้การยอมรับ ซึ่งตนคิดว่าจะได้ข้อสรุปของกฎหมายหลักประกันสุขภาพที่เป็นสากล
ส่วนคำถามที่ว่าน่าจะมีความเห็นต่างในการหารือเวทีปรึกษาสาธารณะพรุ่งนี้กี่ประเด็นกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพตอบว่าไม่สามารถจะรู้ได้ และย้ำว่ากระบวนการขั้นตอนของกฎหมายหลักประกันสุขภาพ ต้องเป็นไปไม่เร่งรัดและรีบร้อน
ทั้งนี้ กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพได้รับเชิญจำนวน 18 คน และมี 4- 5 คนเป็นผู้ติดตาม
สำหรับกำหนดการวันพรุ่งนี้ เวทีปรึกษาสาธารณะ เรื่องการแก้ไขเพิ่มเติม (ร่าง) พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ฉบับที่..) พ.ศ…. จัดโดยคณะอนุกรรมการดำเนินการประชาพิจารณ์พิจารณา (ร่าง)พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ฉบับที่..) พ.ศ….จัดที่ห้องประชุมวายุภักษ์ 3-4 ชั้น 4 รร.เซ็นทราศูนย์ราชการ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ แจ้งวัฒนะ เริ่มตั้งแต่เวลา 09.00 น. โดย นพ.พลเดช เป็นประธานในพิธีเปิดรับฟังความคิดเห็น
.-สำนักข่าวไทย